ปักษาสวรรค์ (bird of paradise) เป็นไม้ตัดดอกที่มีสีสันสวยงามอีกชนิดหนึ่ง และเป็นไม้แตกกอที่มีการเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่สูงที่มีอากาศค่อนข้างเย็น ด้วยลักษณะเด่นของดอกเมื่อเวลาบานเต็มที่ จะมีลักษณะคล้ายนกเกาะที่ก้านดอกหรือกาบดอก หรือคล้ายกับนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
ทำความรู้จักกับ ปักษาสวรรค์ (bird of paradise)
ปักษาสวรรค์เป็นพืชที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน หรือที่เรียกว่ามีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีแต่ก้านใบและตัวใบโผล่ขึ้นมาเท่านั้น ก้านใบมีสีแดงคล้ำ โผล่ขึ้นมาเหนือดิน ใบเป็นใบเดี่ยว นอกจากนี้ยังมีชนิดที่มีลำต้นอยู่เหนือพื้นดินที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีลำต้นสูง ใบคล้ายกล้วยพัด ถ้ารับประทานเข้าไปจะเป็นพิษ ลักษณะรากเป็น fleshy root ถ้าปลูกอยู่ในกระถาง รากจะอัดกันแน่น ลักษณะดอกเป็นดอกช่อแบบ spike คือ มีหลายดอกในช่อเดียวกันโดยแต่ละดอกจะติดกับก้านช่อดอกไม่มีก้านดอกของต้นเอง
ปักษาสวรรค์จะเริ่มให้ดอกเมื่ออายุประมาณ 3-6 ปี แต่จะไม่ออกดอกจนกระทั่งมีใบอย่างน้อยที่สุดจำนวน 10 ใบ ปักษาสวรรค์ชอบขึ้นในสภาพที่แสงแดดรำไร ออกดอกได้ดีที่มีอากาศเย็น ความชื้นสูง ให้ดอกตลอดปีเช่นกัน แต่ผลผลิตต่ำ ในช่วงฤดูร้อน ดอกมีขนาดเล็กสีซีด เมล็ดที่ได้เปอร์เซ็นต์ความงอกต่ำ อุณหภูมิเหมาะสมกับการเจริญเติบโตคือ ประมาณ 25 องศาเซลเซียส
ปักษาสวรรค์มีกี่ชนิด
ปักษาสวรรค์ หรือ bird of paradise (Strelitzia spp.) มีหลายชนิดที่น่าสนใจดังนี้
- Strelitzia augusta : มีลำต้นสูงจากพื้นดินคล้ายกับกล้วยพัด ช่อดอกใหญ่สั้นติดกาบใบชิดลำต้น มีกาบดอกช่อที่ใหญ่และแข็ง ภายในมีดอกสีขาว
- Strelitzia caudata : ลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับ Strelitzia augusta แต่กาบดอกมีสีชมพู ดอกภายในมีสีขาว
- Strelitzia nicolai : ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนๆกับสองชนิดแรก แต่มีกาบดอกสีแดง กลีบดอกสีน้ำเงินอ่อนปนขาว
- Strelitzia Reginae : กอจะสูงประมาณ 3-5 ฟุต เจริญเติบโตช้ามาก มีก้านใบและก้านดอกยาว กาบดอกเป็นรูปเรือสีส้มแก่ปนม่วง กลีบดอกในสีส้ม ปลายกลีบดอกแหลมสีน้ำเงิน เมื่อบานเต็มที่ดูคล้ายนกเกาะ
- Strelitzia parvifolia juncea : ขึ้นเป็นกอใหญ่ใบคล้ายกก ก้านดอกยาวชูตั้งตรง กาบดอกสีเหลือง ตัวดอกสีเหลืองม่วง ยอดกลีบดอกสีน้ำเงิน
ปักษาสวรรค์พันธุ์ที่รู้จักกันมากที่สุดน่าจะเป็นต้นที่ออกดอกสีส้ม นิยมเรียกกันทั่วไปว่า ปักษาสวรรค์ หรือ bird of paradise ซึ่งก็คือ Strelitzia Reginae อย่างไรก็ตาม ยังมีปักษาสวรรค์พันธุ์อื่นๆอีกเพียบอยู่ตามสวน เช่น เบิร์ดขาว (S. nicolai) ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ มีใบยาวเหมือนกล้วย ออกดอกเป็นช่อ มีสีขาวและสีฟ้างดงาม ปักษาสวรรค์พันธุ์นี้สามารถเติบโตจนมีลำต้นสูง 3-4 เมตร จึงอาจเป็นกอพืชที่เหมาะสำหรับจัดสวนแบบเขตร้อน
นอกจากนั้นยังมีปักษาสวรรค์อีก 2 สายพันธุ์ คือ S. juncea และ S. x parvifolia ซึ่งมีใบเรียวยาวเหมือนกับต้นกก และออกดอกสีส้ม ควรดูแลให้ต้นปักษาสวรรค์มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ โดยการตัดดอกที่ออกนานแล้วทิ้งไป เพื่อให้ดอกใหม่ผลิแทน และต้องคอยลิดใบแก่ออกเสมอเช่นกัน
วิธีการปลูกปักษาสวรรค์
ถึงแม้ว่าปักษาสวรรค์อาจขยายพันธํุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด แต่ตามปกติแล้วนิยมปลูกต้นใหม่โดยการแบ่งกอเดิมและแยกเหง้าออกมามากกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากต้นพืชอาจได้รับการกระทบกระเทือนและอาจเฉาได้ ดังนั้นหลังจากนำไปปลูกใหม่ ควรปลูกไว้ในกระถาง และวางไว้ในที่ร่มจนกว่าต้นพืชมีทีท่าว่าจะเจริญเติบโต ควรปลูกปักษาสวรรค์ในที่ที่มีอากาศเย็น ในที่อากาศร้อนนั้นพอจะปลูกได้แต่จะออกดอกไม่บ่อยนัก
ถ้าปักษาสวรรค์ไม่ออกดอก
บางครั้งต้นปักษาสวรรค์อาจเติบโตเป็นกอไม้ใบขนาดใหญ่ และไม่มีดอกเลย สาเหตุหลักคือ ขาดแสงแดด เพราะอยู่ในที่ร่มมากเกินไป ดังนั้นจึงควรย้ายต้นไปไว้กลางแจ้ง จะช่วยให้ต้นปักษาสวรรค์ออกดอกได้ดีขึ้น
การปลูกประดับภายในสวน
แม้ดูเหมือนว่าปักษาสวรรค์จะเติบโตได้ในสภาพอากาศที่ยากลำบากที่สุด แต่ต้นไม้ชนิดนี้จะเจริญเติบโตและออกดอกได้ดีกว่าถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดดี และมีที่กำบังลมและความเย็น นอกจากนั้นยังต้องการดินที่ระบายน้ำได้ดี มีปุ๋ยหมักบำรุง แม้ว่าต้นปักษาสวรรค์จะสามารถทนสภาพแล้งได้ แต่ต้นก็จะเจริญงอกงามได้ดีกว่าหากได้รับการรดน้ำให้ชุ่มเมื่ออากาศร้อนและแห้ง
ต้นปักษาสวรรค์จะมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามใบ จริงๆแล้วหยดน้ำบนใบนี้เป็นน้ำทิพย์อันหอมหวาน ซึ่งดึงดูดฝูงนกที่เป็นตัวผสมเกสรดอกไม้ นกจะบินมาเกาะตรงส่วนดอกปักษาสวรรค์ที่ยื่นออกมาอย่างเหมาะเจาะ น้ำหนักของนกที่มาเกาะจะเป็นตัวกระตุ้นให้ดอกไม้ปล่อยละอองเกสรดอกไม้มาโดนบนตัวนก