วันนี้แอดจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ให้ฟัง เนื้อเรื่องไม่ยาวมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ชัยชนะของมัจจุราช The Black Death ที่มากับโรคระบาดน่ากลัวในทวีปยุโรป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1348 มฤตยูดำนี้ได้ลามไปทั่วทั้งยุโรปอย่างไม่มีความปราณี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 25 ล้านคน
เริ่มแรกเลยมาจาก..
นักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสร่วมสมัย ชื่อ ฌอง เดอ เวอแน็ตต์ เขียนไว้ว่า “ในปี 1348 นอกจากความอดอยากและสงครามแล้ว ยังมีโรคระบาดเกิดตามขึ้นมาอีกบนโลก”
และแล้ว เรือเดินสมุทร 3 ลำ ก็เข้าเทียบท่าที่เมืองเจนัว ในอิตาลีทางตอนเหนือ กะลาสีบนเรือเหล่านั้นติดเชื้อเพราะถูกหมัดหนูจากบนเรือกัด ขณะนั้นมฤตยูดำได้เดินทางมาถึงแล้ว นับเป็นโรคระบาดที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก มีทั้ง กาฬโรค และ นิวมอเทีย ที่สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ในอีก 2 ปีต่อมา โรคระบาดก็ได้ค่าชีวิตประชากรไปราว 1 ใน 3 ถึงกึ่งหนึ่งของประชากรในทวีปยุโรป ซึ่งอาจจะมากถึง 25 ล้านคน
ความตายเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที..
ความตายมาถึงอย่างรวดเร็ว นักเขียนชื่อ บ็อกกัชโช ได้สังเกตการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นในเมืองฟลอเรนซ์ และเขียนบอกเล่าเรื่องราวไว้ว่า “โรค ปรากฏอาการให้เห็น แรกเริ่มเลยคือ เป็นก้อนเนื้องอก ที่ขาหนีบหรือรักแร้ บางก้อนโตเท่าผลแอปเปิ้ล บางก้อนก็มีขนาดโตเท่าไข่” ฉายาของเจ้าโรคนี้ชื่อว่า ‘มฤตยูดำ’ ซึ่งได้ชื่อมาจากสีของก้อนเนื้องากนี้ เมื่อถึงสิ้น ปี 1348 โรคระบาดได้แพร่ไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศต่างๆ ทั้งใน ฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ
![the triumph of death](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_489,h_675/https://themanfrommoon.com/wp-content/uploads/2020/06/the-triumph-of-death.jpg)
สิ่งที่น่ากังวลที่สุด อยู่ที่ว่าผู้คนในสมัยนั้นไม่เข้าใจ ว่าเชื้อโรคมันสามารถแพร่ไปได้อย่างไร กีย์ เดอ โชลิยัก แพทย์ประจำองค์พระสันตะปาปา ที่เมือง อาวิญง ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องโรคระบาดนี้มากกว่าใครในสมัยนั้น ประกาศว่า ทุกคนสามารถติดเชื้อโรคนี้ได้ “เพียงจากการเมืองดูคนป่วย” แพทย์จากในกรุงปารีสเขียนไว้ว่า “ป่วยคนเดียวก็สามารถติดกันไปได้ถึงทั่วโลก” มีแต่เพียง นายแพทย์เดอ โชลิยัก เท่านั้นที่สังเกตเห็นว่า นอกจากอาการเนื้องอกแล้ว ยังมีอาการไข้อย่างต่อเนื่องและมีอาการไอเป็นเลือด แม้เขาจะยังไม่รู้รายละเอียดอย่างแน่ชัดว่าเป็นโรคที่เกิดจากอะไร หรือเป็นโรคอะไร แต่ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า โรคนิวมอเนีย เป็นโรคที่ติดเชื้อได้ง่ายว่า กาฬโรค อย่างมาก
ชัยชนะของมัจจุราช
ในปี 1348 มฤตยูดำลามไปทั่วทั้งทวีปยุโรปอย่างไม่มีการปราณี มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 25 ล้านคน สองปีต่อมาดูเหมือนความยากลำบากนั้นจะผ่านพ้นไป แต่โรคระบาดยังจะหวนกลับมากระหน่ำซ้ำเป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
จู่ๆฝันร้ายนี้ก็ได้จบสิ้นลงอย่างฉับพลัน ในปี 1350 พระสันตะปาปาเคลมองต์ที่ 5 ได้ประกาศให้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลอง ผู้แสวงบุญนับล้านคนแห่แหนกันมายังกรุงโรมเพื่อเฉลิมฉลอง การอยู่รอดของมนุษยชาติ แต่พวกเขาดันเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะช่วงเวลา 10 ปี หลังจากนั้น เชื้อโรคได้หวนกลับมาอีก และย้อนกลับมาอีกครั้งในปี 1369 ที่จริงในปี 1348 ไม่อาจนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคระบาดอย่างแท้จริงได้ เพราะโรคระบาดมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ บีด บันทึกไว้เมื่อในศตวรรษที่ 8 ว่าในศตวรรษที่ 5 ประมาณปี 450 “คนเป็นฝังคนตายกันแทบจะไม่ทัน”
ในปี 543 ในรัชสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน โรคระบาดได้แพร่ไปทั่วจักรวรรดิโรมันตะวันออก 1 ปีหลังจากนั้น นักประวัติศาสตร์ชาวแฟรงค์ ชื่อ เกรเกอรีแห่งตูร์ ขณะที่เขายังเป็นเด็กอยู่ ได้เห็นเหตุการณ์โรคระบาดเกิดขึ้นไปทั่วแคว้นโกล ในปี 550 ในไอร์แลนด์ มีผู้บันทึกไว้ว่ามันคือ “ไข้เหลือง” ที่ซึ่งแพร่มาถึง
![The Black Death กาฬโรค](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_512,h_384/https://themanfrommoon.com/wp-content/uploads/2020/06/The-Black-Death-1024x768.jpg)
ในปี 1382 ในคนรุ่นหลังจากเกิดมฤตยูดำ โรคระบาดก็กลับมาอีกครั้ง กวีชาวเวลช์ ชื่อ ไอโอโล โกช หรือ ไอโอโล เดอะเรด ประพันธ์บทไว้อาลัยให้แก่ อาร์ชดีคอนแห่งเซนต์อาซาฟ ผู้อุปถัมป์เขาและตกเป็นเหยื่อของโรคร้าย บทกวีแบบนี้เป็นสิ่งที่ชาวกวีเวลช์ในยุคกลางมักเขียนขึ้น แต่บทไว้อาลัยนี้ไม่เหมือนกับบทอื่นๆ เพราะผู้ประพันธ์ตระหนักจนหาคำธรรมดามาใช้ไม่ได้ ภาพพจน์ที่เขาใช้ ล้อนสยดสยอง ไม่ใช่ภาพของความตายในวัยชรา หรือ ความตายในการสู้รบ แต่เป็นความตายที่ เหล่ากวีหลายๆคนก็ไม่อาจเข้าใจได้ “ วันพฤหัสบดี ความสยดสยองเริ่มขึ้น ขณะช่วงรอยต่อของวันใหม่ และราตรี” โรคระบาดกลับมาโดยไม่รู้สาเหตุทุก 4-12 ปี จนถึง ศตวรรษที่ 16
การระบาดครั้งสุดท้าย
การระบาดครั้งใหญ่ในครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ คือ โรคระบาดใหญ่ที่ลอนดอน ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1665 น่าประหลาดที่การระบาดเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในเขตเมือง ในปี 1910 เกิดโรคระบาดเล็กๆน้อยๆ ในแคว้นซัฟโฟล์ก แต่ในโลกตะวันออก ก็ยังคงมีโรคระบาดเกิดขึ้นบ้าง เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 1896 ได้เกิดโรคระบาดขึ้นในอินเดีย มันได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 6 ล้านคน
ความเชื่อของคนโบราณ ว่ากันว่า
ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับ มฤตยูดำ เล่าว่า โรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยรู้จัก ขนาดที่บ้านเก่าๆบางหลังในอีสต์แองเกลีย จะมีการก่ออิฐขึ้น เพื่อปิดช่องหน้าต่างด้านที่หันหน้าไปทางลอนดอน แต่ในปัจจุบันนี้ เราสามารถรักษามฤตยูดำได้เด็ดขาดแล้ว ด้วยยาเตตราไซคลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะสามัญและราคาถูกที่สุด ซึ่งค้นพบในศตวรรษที่ 1940 ยานี้มักจะใช้กันมากในโลกตะวันตก เพื่อรักษาสิว
![Plague Doctor หมออีกาดำ](https://sp-ao.shortpixel.ai/client/to_auto,q_glossy,ret_img,w_443,h_591/https://themanfrommoon.com/wp-content/uploads/2020/06/real-plague-doctor.jpg)
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ติดเชื้อกาฬโรคจะต้องตายเสมอไป คนที่ติดเชื้อกว่าร้อยละ 60 เสียชีวิต แต่การขุดสุสานฝังคนตายด้วยโรคระบาดใต้โรงกษาปณ์หลวงในลอนดอน แสดงให้เห็นว่าโรคระบาดในปี 1665 อาจคร่าชีวิตคนไปน้อยกว่าที่เคยเชื่อกัน ซึ่งสันนิษฐานว่าประชากรของลอนดอนขณะนั้นอยู่ที่ระหว่าง 40,000 – 100,000 คน แต่ศพที่ขุดพบแสดงให้เห็นว่ามีคนตายไม่เกิน 12,400 คน ยิ่งกว่านั้น การวางผังสุสานอย่างเป็นระเบียบนี้ มันทำให้เห็นว่ามีการจัดการสาธารณสุขอย่างเป็นระบบอีกด้วย.