Tuesday, 23 April 2024

ประวัติศาสตร์ : บิดาแห่งชาติ เนลสัน แมนเดลา

เนลสัน แมนเดลา หรือ เนลสัน โรลีลาลา แมนเดลา (Nelson Rolihlahla Mandela) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2537-2542 และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างถูกต้อง ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็นนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านเรื่องสีผิวในแอฟริกาใต้

ในวันที่ 10 พฤษภาคม 1994 เครื่องบินเจ็ตของทัพฟ้าแอฟริกาใต้พ่นแถบควันเป็นสีธงชาติใหม่ ท่ามกลางสายตาของผู้ชมนับหมื่นในเมืองพรีโตเรีย ในอดีตเครื่องมือเหล่านี้เป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพของรัฐบาลที่หนุนอำนาจของชนผิวขาวมาเกือบ 50 ปี แต่ปัจจุบันนี้เครื่องบินเหล่านี้หันมาทำความเคารพชาวผิวดำคนหนึ่ง ซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่เพิ่งสาบานตนเข้าดำรงตำแหน่ง นามว่า เนลสัน แมนเดลา

ชีวิตของแมนเดลา

โรลีลาลา แมนเดลา เกิดเมื่อปี 1918 ในเมืองอุมราทา บนชายฝั่งตะวันออกของแอฟริกาใต้ เป็นบุตรของหัวหน้าเผ่าเทมบูที่พูดภาษาคอสะ ณ เวลาที่มีคนผิวดำไม่กี่คนได้รับการศึกษาในขั้นอุดมศึกษา เขาได้ศึกษาด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยฟอร์ต แฮร์ และมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแรนด์

รูปถ่ายของแมนเดลาถ่ายที่อุมทาตาในปี 1937
รูปถ่ายของแมนเดลาถ่ายที่อุมทาตาในปี 1937
(ภาพจาก : wikipedia)

ในปี 1994 แมนเดลาได้เข้าร่วมพรรคชาตินิยมแห่งแอฟริกา (Afican National Congress – ANC) ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองที่เรียกร้องให้ชาวแอฟริกาใต้ผิวดำได้รับสิทธิเป็นพลเมืองเต็มตัว สิทธิในการครอบครองที่ดินและยกเลิกกฏหมายที่มีการกีดกันสีผิว การเรียกร้องของเขากลายเป็นจุดสนใจของตำรวจ เขาจึงถูกจำคุกเป็นเวลาสั้นๆ ในปี 1952 และในปี 1956 เขาถูกจับข้อหากบฏ หลังจากตำรวจสังหารชนผิวดำที่มาประท้วงโดยไม่ถืออาวุธไปเกือบ 70 คน ในเมืองชาร์ปวิลล์ในปี 1960 แมนเดลาเริ่มเชื่อว่าการต่อต้านด้วยกำลังอาวุธเท่านั้นจึงจะได้ผล

บิดาแห่งชาติ

หลักจากเป็นนักโทษทางการเมืองและถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้ายมาเป็นเวลากว่า 27 ปี เนลสัน แมนเดลา ก็กลายเป็นประธานาธิบดีของประเทศ โดยไม่ยอมก้มหัวให้ใครและไม่แสดงความอาฆาตพยายาทกับใคร.

เมื่อเขาเริ่มออกหน้าสนับสนุนการทำวินาศกรรมต่อต้านรัฐบาลที่มีนโยบายแบ่งแยกสีผิว เขาถูกบีบให้ต้องคอยหลบซ่อนตัว ละทิ้งภรรยาที่ชื่อ วินนี และลูกๆไป เขาปลอมตัวเดินทางไปทั่วแอฟริกาใต้ ให้สัมภาษณ์ พยายามรวบรวมพรรคเอเอ็นซีขึ้นใหม่ในฐานะขบวนการใต้ดินและได้ช่วยก่อตั้งฝ่ายการทหารของเอเอ็นซี โดยใช้ชื่อว่า อุมคอนโตวิซิสเว (หอกทวนแห่งชาติ)

เครื่องหมายแบ่งแยกสีผิว 
การแบ่งแยกสีผิวทางกฎหมายส่งผลกระทบต่อทุกพื้นที่ของชีวิต
(ภาพจาก : wikipedia)

เมื่อ แมนเดลา ถูกจับตัวได้ในเดือนสิงหาคม 1962 เขาถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ข้อหายุยงคนงานให้พร้อมใจกันหยุดงานและออกจากประเทศโดยไม่มีเอกสารการเดินทาง ปีต่อมา ตำรวจตรวจจับอาวุธได้ที่สำนักงานใหญ่ของอุมคอนโตวิซิสเว เขาจึงได้รับโทษเพิ่มเป็นจำคุกตลอดชีวิต

จากนักโทษสู่ประธานาธิบดี

ตั้งแต่ปี 1964 ถึง 1982 แมนเดลา ถูกจองจำอยู่บนเกาะร็อบเบน นอกชายฝั่งเคปทาวน์ ชีวิตในคุกซ้ำซาก จำเจน่าเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่มีใครลืมเลือนเขา เขากลายเป็นจุดสนใจของการรณรงค์ต่อต้านนโยบายการแบ่งแยกสีผิวซึ่งขยายออกไปนอกแอฟริกาใต้ในระหว่างทศวรรษ 1980

ในที่สุด เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1990 ประธานาธิบดี เฟรดริก เดอเคลิร์ก ซึ่งตระหนักว่านโยบายการแบ่งแยกสีผิวนั้นสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้ประกาศว่าจะมีการปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่โด่งดังที่สุดของโลก และในวันรุ่งขึ้น แมนเดลา ได้เป็นอิสระต่อหน้ากล้องโทรทัศน์จำนวนมากที่ดักรออยู่

เฟรเดริก เดอ แกลร์ก กับเนลสัน แมนเดลา ในการประชุมประจำปี World Economic Forum ในปี 1992
เฟรเดริก เดอ แกลร์ก กับเนลสัน แมนเดลา ในการประชุมประจำปี World Economic Forum ในปี 1992
(ภาพจาก : wikipedia)

ในปี 1991 เขาเป็นประธานของพรรคเอเอ็นซี ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่จนไม่มีใครคัดค้าน เป็นเวลากว่าสามปี เขาได้นำพรรคเข้าเจรจาต่อรองกับรัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในเดือนเมษายน 1994 มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกและเดือนพฤษภาคม ผู้ที่ต่อสู้กับรัฐบาลมานานได้กลายเป็นประมุขของประเทศ

ช่วงสุดท้ายของชีวิต

แมนเดลาเยี่ยมชม London School of Economics ในปี 2000
(ภาพจาก : wikipedia)
แมนเดลาเยี่ยมชม London School of Economics ในปี 2000
(ภาพจาก : wikipedia)

เขาปลดเกษียณตัวเองในอายุ 85 ปี และถอนตัวเองออกจากงานสาธารณะต่างๆ และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2012 ซึ่งขณะนั้น เขาอายุ 95 ปี.