Friday, 19 April 2024

เจ้าขุนมูลนาย ไพร่ และทาสติดที่ดิน : ลำดับชั้นของอำนาจ

ปลายศตวรรษที่ 9 ระบบการปกครองของจักรพรรดิชาร์ลมาญแห่งชนเผ่าแฟรงก์ ซึ่งมีรากฐานทั่วไปจากการปกครองของจักรวรรดิโรมัน ล่มสลายลงเพราะการปล้นสะดมของพวกไวกิ้งทางตะวันตกและของพวกฮังการีทางตะวันออก ระเบียบใหม่ทางสังคมที่เข้ามาแทนที่ ด้วยการจัดลำดับชั้นของอำนาจ เป็นเจ้าขุนมูลนาย ไพร่ และทาส ใช้ระบบการถือของที่ดิน ซึ่งต่อมาเรียกว่า ระบบฟิวดัล หรือ ระบบศักดินาสวามิภักดิ์

คำว่า ‘ระบบฟิวดัล’ บัญญัติขึ้นในสมัยสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียในศตวรรษที่ 19 มาจากคำในภาษาละติน ‘Feudum’ หมายถึงที่ดินที่ได้ถือครองเป็นการตอบแทนการรับใช้ ซึ่งมักจะเป็นในด้านการทหาร ผู้ครองที่ดินแบบนี้มักเป็นขุนนางหรืออัศวิน แต่ระบบฟิวดัลไม่ใช่เพียงแค่การถือครองที่ดินเท่านั้น

ระบบฟิวดัล : ความจงรักภักดีกับรางวัล

ความภักดีของผู้ครองที่ดิน (หรือ ขุนนาง) นั้นสำคัญพอๆกัน พันธะสัญญาแห่งความภักดีนี้ทำได้โดยการให้สัตยาบัน ในระยะต้นๆ มีการมอบก้อนดินเป็นสัญลักษณ์แทนการมอบที่ดินให้ไปถือครอง

ระบบอุปถัมป์
แฮโรลด์แห่งอังกฤษให้สัตยาบันต่อดยุควิลเลียมในภาพจากพรมทอแขวนจากบาเยอซ์

ปี 1127 เคาน์วิลเลียม คลิโต แห่งฟลานเดอร์สรับขุนนางเข้าสวามิภักดิ์ ด้วยวิธีที่แบ่งเป็น 3 ช่วง ท่านเคานท์จะขอให้ขุนนางแต่ละคนกล่าวยืนยันอย่างเต็มใจเข้าสวามิภักดิ์ หลังขากตอบว่า ‘ข้าประสงค์เช่นนั้น’ ท่านเคานท์กับขุนนางจะกุมมือกันไว้และ จุมพิตกันและกัน จากนั้น ขุนนางจะให้สัตยาบันว่า ‘ข้าสัญญาจะ… ซื่อสัตย์ต่อเคานท์วิลเลียมและยึดมั่นในคำสัตย์ที่จะต่อสู้เพื่อเขาด้วยความสุจริตใจและไม่หลอกลวง’ สุดท้าย เขาจะกล่าวคำสาบานนี้ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในภาพบนพรมทอแขวนผนังจากบาเยอซ์ (Bayeux) นั้นเอิร์ลแฮโรลด์ กอดวินสัน (ซึ่งต่อมาคือพระเจ้าแฮโรลด์แห่งอังกฤษ) ยืนระหว่างหีบโบราณ 2 ใบ ที่ตั้งอยู่เหนือแท่นบูชา เขาวางมือเหนือหีบทั้งสอง และกล่าวคำสาบานเบื้องพระพักตร์ดยุควิลเลียมแห่งนอร์มังดี

ที่ดินในระบบศักดินานี้ไม่ได้มีแต่ที่ดินเท่านั้น แต่มาพร้อมกับชาวนาที่อาศัยอยู่และสิทธิในการจัดตั้งเขตการปกครองและตันสินคดีความ สิ่งนี้ทำให้ขุนนางที่สวามิภักดิ์มีอำนาจทางสังคมอย่างมหาศาล โดยสามารถปกครองผู้คนที่อาศัยในที่ดินที่ถือครองทั้งในเมืองและชนบท ขุนนางมีอำนาจจัดการแต่งงานและบังคับให้ทาสย้ายไปที่อื่นได้ ทั้งยังเก็บภาษีจากผู้เช่าใหม่ได้ด้วย

เจ้าขุนมูลนาย ไพร่ และทาสติดที่ดิน : ลำดับชั้นของอำนาจ,ระบบศักดินา
ปราสาทของเจ้าเหนือหัวตระหง่านง้ำเหนือเหล่าทาสติดที่ดินผู้เหนื่อยยาก

กฏหมายอังกฤษในต้นศตวรรษที่ 12 กำหนดว่า ‘ขุนนางแต่ละคนสามารถเรียกตัวคนในปกครองมาพบเพื่อลงโทษได้ ถึงแม้คนผู้นั้นพำนักอยู่ในที่ห่างไกล … ก็ต้องเดินทางมาพบ… ถ้าเจ้านายเหนือหัวเรียกตัว’

ขุนนางสามารถมอบที่ดินส่วนหนึ่งให้ข้ารับใช้ในระดับรองลงมา และพวกเขาก็สามารถมอบที่ดินแก่คนระดับรองลงไปอีกทอดหนึ่ง หรือ ไพร่ ระบบฟิวดัลของยุโรปจึงอาจบรรยายได้ด้วยรูปพีระมิด ซึ่งประกอบด้วยไพร่ชั้นต่างๆ มีขุนนางอยู่เหนือขึ้นไปและมีกษัตริย์อยู่ข้างบนสุด.

ความภักดีที่แบ่งแยก

ระบบฟิวดัล
ฌอง เดอ แซงต์-โมร์ (Jean de Sainte-Maure) กล่าวสาบานจะจงรักภักดีต่อพระเจ้าเรอเน กษัตริย์ฝรั่งเศส

ระบบสังคมของยุโรปอาจอธิบายให้เข้าใจได้ด้วยภาพใยแมงมุม เนื่องจากยุโรปตะวันตกประกอบด้วยความสวามิภักดิ์ที่แตกแขนงซับซ้อน คนคนหนึ่งอาจสวามิภักดิ์อยู่กับขุนนางหลายคน จนต้องแบ่งแยกความภักดีออกไป ในปี 1011 เคานต์แห่งฟลานเดอร์สได้เป็นขุนนางของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 1 แห่งอังกฤษ เขาสัญญาจะรับใช้พระองค์ในทุกเรื่อง ยกเว้นแต่เรื่องที่พาดพิงถึงกษัตริย์ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวอีกองค์หนึ่งของเขา

ในอังกฤษ ระบบฟิวดัลเสื่อมไปเมื่อสิ้นยุคกลาง แต่ยังมีอยู่ในที่อื่นๆ ฝรั่งเศสและออสเตรียล้มเลิกระบบศักดินาในศตวรรษที่ 18 และรัสเซียในปี 1861 ญี่ปุ่นก็มีระบบศักดินาที่มีซามูไรเทียบเท่ากับอัศวินของโลกตะวันตก และยังคงอยู่จนถึงปี 1868 ที่จักรพรรดิราชวงศ์เมจิ พระองค์ใหม่ทรงให้ล้มเลิกไป นับแต่นั้น คำๆนี้ก็นำมาใช้กับสังคมอื่นนอกยุโรปที่ถือว่ากำลังก้าวผ่าน ‘ยุคศักดินา’ ในประวัติศาสตร์ของประเทศนั้นๆ