Friday, 22 November 2024

คีนัม (Kynam) – ไม้ที่หายากและแพงที่สุดในโลก

คีนัม (Kynam) – ไม้ที่หายากและแพงที่สุดในโลก เมื่อคุณนึกถึงวัสดุที่หายากและมีค่าที่สุดในโลก คงจะหนีไม่พ้นสิ่งของอย่างเช่น เพชร แพลตตินั่ม หรือทองคำ อาจผุดขึ้นมาในหัวของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ว่ามันมี ไม้ชนิดพิเศษแบบนั้นด้วยจริงๆ แล้วมันก็มีราคาแพงกว่าไม้อื่นๆ

คีนัม (Kynam) หรือ คิอาระ “kyara” ที่รู้จักกันในญี่ปุ่น เป็นไม้กฤษณาชนิดที่หายากมาก ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมและธูป ซึ่งไม้ชนิดนี้มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์และมีความหอมที่รุนแรงมาก ทั้งยังเป็นไม้ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด

อูด “oud” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในคาบสมุทรอาหรับ เพื่ออธิบายลักษณะของไม้ยางสีเข้มที่ผลิตในแก่นของต้นกฤษณานี้ kynam หนึ่งกรัมสามารถเรียกเงินได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 338,900 บาท) ทำให้เป็นไม้ที่แพงที่สุดในโลก และยังเป็นหนึ่งในวัสดุธรรมชาติที่แพงที่สุดอีกด้วย

คีนัม (Kynam) – ไม้ที่หายากและแพงที่สุดในโลก

โดยปกติแล้ว คีนัม (kynam) เป็นไม้กฤษณาที่สามารถใช้เงินซื้อได้ และสิ่งสำคัญ คือ ไม้กฤษณาทุกประเภทมีราคาค่อนข้างแพง ไม้กฤษณาเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมจีน ญี่ปุ่น อินเดีย อาหรับ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลาหลายพันปี เป็นสินค้าที่มีราคาสูงมาเสมอ แต่ช่วงหลังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและราคาก็เพิ่มตามขึ้นไปด้วย

คีนัม (Kynam) – ไม้ที่หายากและแพงที่สุดในโลก

แก่นของต้นอะควิลาเรียนั้นค่อนข้างไม่มีกลิ่นและมีสีซีด แต่ในบางสภาวะ ต้นไม้จะผลิตเรซินสีเข้มชนิดหนึ่งที่สร้างไม้กฤษณาอันล้ำค่าออกมา เป็นเวลาหลายศตวรรษ ที่มนุษย์รู้ดีว่า ไม้กฤษณาจะผลิตสารเรซินนี้ได้ก็ต่อเมื่อได้รับอันตรายหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น มีทฤษฎีนึงบอกว่ามันอาจเกิดขึ้นจาก ความเครียดประเภทต่างๆ เช่น การถูกฟ้าผ่า การถูกมดหรือผึ้งรุกราน หรือแม้กระทั่งการได้รับความเสียหายจากสัตว์ขนาดใหญ่ นำไปสู่การสร้างไม้กฤษณา หรือแม้แต่การติดเชื้อที่อาจจะเกิดจากเชื้อราหรือแบคทีเรีย

ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงทำการใส่ Phialophora parasitic เป็นเชื้อราที่ทำให้ต้นไม้เกิดการสร้างเรซินนี้ขึ้นมา ในแก่นของต้นกฤษณา ไม้ที่ฝังเรซินนี้จะมีกลิ่นที่แข็งแกร่งและเป็นที่จดจำซึ่งใช้ทำได้ทั้งธูปและเป็นเชื้อของน้ำหอมคุณภาพสูง และที่สำคัญมันมีราคาแพงมากๆ

ผู้คนได้เรียนรู้วิธีทำให้ต้นกฤษณาแพร่เชื้อด้วยเชื้อราเพื่อกระตุ้นการสร้างไม้กฤษณาที่มีกลิ่นหอม และขณะนี้มีสวนปลูกในประเทศแถบเอเชียหลายแห่ง ตั้งแต่อินโดนีเซียไปจนถึงเมียนมาร์และเวียดนามที่เชี่ยวชาญในการผลิตอูด หรือ คีนัม

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ว่าไม้กฤษณาที่มาจากสวนจะมีราคาถูกกว่า แต่ก็ไม่มีที่ไหนเลยที่จะแพงเท่ากับไม้กฤษณาจากป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้กฤษณาที่มีคุณภาพเหนือกว่า นั่นเป็นเพราะว่าไม้กฤษณาถูกเก็บเกี่ยวหลังจากติดเชื้อเพียงไม่กี่ปี ในขณะที่ ไม้กฤษณาป่าคุณภาพสูงมีอายุหลายร้อยปี พวกที่ถูกปลูกไว้ในสวนมักจะมีราคาที่ย่อมเยา และไม่มีไม้ที่มีราคาแพงกว่าคีนัมเลย

“นอกเหนือจากสิ่งที่ดีที่สุด ยังมีบางสิ่งที่หายากกว่าที่เราเรียกว่า kynam” Alan Mahaffey พ่อค้าไม้กฤษณาบอกกับ Al Jazeera “มันเป็นไม้ที่หายากที่สุดในโลก หายากกว่าไททาเนียม ยูเรเนียม แพลตตินัม หายากกว่าเพชร “ มันสามารถมีราคากว่า 10,000 ดอลลาร์สำหรับหนึ่งกรัม

ในเซี่ยงไฮ้ พวกเขาขายไม้ออกไปชิ้นหนึ่งเมื่อสองหรือสามปีที่แล้ว มันมีราคาถึง 18 ล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 610,020,000 บาท) สำหรับคีนัมสองกิโลกรัม ดังนั้นมันจึงเท่ากับ 9 ล้านดอลลาร์ต่อกิโลกรัม” (ประมาณ 305,010,000 บาท)

ส่วนคีนัมที่ใหญ่ที่สุดของ Mahaffey นั้นเป็นไม้อายุ 600 ปี มีขนาด 16 กก. ซึ่งใช้เวลาห้าปีในการค้นหา มันสามารถขายได้ในราคา 20 ล้านเหรียญ และจำไว้ว่าบทสัมภาษณ์ของเขากับ Al Jazeera นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2016 ความต้องการและราคาสำหรับไม้กฤษณาคุณภาพสูงได้เติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ไม่มีทางบอกได้ว่าต้นอะควิลาเรีย (aquilaria) ต้นไหนจะมี คีนัม (kynam) หรือไม่ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดในโลกที่สามารถระบุได้โดยไม่ต้องดมกลิ่นไม้ที่เติมเรซินก่อน และในกรณีส่วนใหญ่ กลิ่นหอมที่ซับซ้อนของคีนัมจะส่งกลิ่นออกมาก็ต่อเมื่อมีการเผาเศษไม้เท่านั้น

เนื่องจากไม้กฤษณาป่าหายากและมีค่ามาก ต้นไม้กฤษณาป่าจึงกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากทั่วเอเชีย ความคิดที่ว่า ไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเพียงไม่กี่กรัมสามารถเปลี่ยนชีวิตของใครก็ตามที่พบพวกมันได้ล่อให้คนจำนวนมากเข้าสู่การล่าขุมทรัพย์ป่าและสุดท้ายก็มักจะไร้ผล และเนื่องจากวิธีเดียวที่จะหาไม้กฤษณาได้ คือการโค่นล้มและผ่าต้นไม้เท่านั้น การหาตัวอย่างของไม้ชนิดนี้ในป่าจึงกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากเช่นกัน

แม้แต่ความหวังในการได้ไม้กฤษณาก็ยังผลักดันให้คนใช้โชค ต้นไม้อายุ 200 ปีในวัดบางกระดานของกัมพูชาเชื่อกันว่าสักวันหนึ่งจะผลิตคีนัม (kynam) ออกมาได้ และผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นเคยเสนอราคาให้กับพระสงฆ์ เป็นเงินจำนวนถึง 23 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อมัน (ประมาณ 779,470,000 บาท) แต่พวกเขาปฏิเสธ และขณะนี้มีด่านทหารอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ต้นนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการปกป้องต้นอะควิลาเรีย ที่ถือเป็นต้นไม้ที่แพงที่สุดในโลก

ด้วยความต้องการไม้กฤษณาที่เพิ่มขึ้น ขณะนี้มีตลาดมืดที่คึกคักสำหรับสินค้าเหล่านี้ แต่ถึงกระนั้นคีนัม (kynam) ก็เป็นสิ่งที่หายากมากๆ และด้วยต้นกฤษณาป่านั้นหายากขึ้นทุกวัน จึงส่งผลให้ราคาจึงสูงขึ้นตามไปด้วย.

อ้างอิง : odditycentral