วัฒนธรรมของคนจีนบางอย่าง อาจทำให้คนต่างชาติสับสน ด้วยประชากรกว่า 1.3 พันล้านคน และยังมีทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา และจักรวรรดิที่น่าสนใจ คนส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า ประเทศจีนเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ อิทธิพลของพวกเขาแพร่หลายมาก จนเราเฉลิมฉลองวันตรุษจีนในหลายประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมจีนบางอย่างก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และบางธรรมเนียมก็อาจทำให้คุณตกใจ วันนี้เราจึงรวบรวม 10 วัฒนธรรมแปลกๆของคนจีน มาให้อ่านกัน…
วัฒนธรรมของคนจีนมีอะไรบ้าง?
1.การแต่งงานของผีนั้นเป็นเรื่องจริง
แม้ว่าชาวต่างชาติอาจรู้สึกไม่สบายใจกับธรรมเนียมประหลาดนี้ แต่มันก็เป็นเพียงธรรมเนียมในพื้นที่ชนบทของจีนเท่านั้น ที่จะแต่งงานกันระหว่างผู้ตายกับคนเป็น สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน — ตัวอย่างเช่น เจ้าบ่าวที่ป่วยหนักอาจหมั้นหมาย หรือครอบครัวอาจตั้งใจที่จะสานต่อสายเลือดของครอบครัวต่อไป หญิงม่ายอาจเข้าร่วมในพิธีแต่งงานซึ่งเจ้าบ่าวผู้ล่วงลับของเธอ เป็นต้น
2.เท้าที่ดูเหมือนจะถูกผูกติดกันไว้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม
การผูกรัดเท้าแบบจีนมีขึ้นในปลายศตวรรษที่ 13 และในปัจจุบันส่วนใหญ่ความคิดนี้จะล้าสมัยแล้วทั่วทั้งประเทศจีน การฝึกใช้ผ้าก๊อซพันเท้าให้แน่นเพื่อบีบให้เป็นรูปทรงเดียวกับรองเท้าดูคล้ายกับ “ดอกบัว” ดอกเล็กๆ การปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้นิ้วเท้าหักและเท้าผิดรูปถาวรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าการทำแบบนี้จะช่วยเสริมด้านความงาม (ตามความเชื่อ) แบบตะวันตก อาจเจ็บปวดและผูกรัดมากจนเกินไป ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเราต่างก็ยอมรับว่าการมัดเท้าแบบจีนนั้นเรื่องที่โหดร้ายเกินไป
3.ลิฟต์บางตัวหลีกเลี่ยงหมายเลข 4
เราอาจไม่อยากยอมรับ แต่พวกเราหลายคนเชื่อเรื่องของโชคลาง พวกเราบางคนจะหลีกเลี่ยงการนัดหมายในวันศุกร์ที่ 13 และการเดินใต้บันได เพราะมันอาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ – ในภาษาจีน เลข 4 ถือว่า เป็นเรื่องที่โชคร้ายมาก คล้ายกับคำภาษาจีนกวางตุ้งที่แปลว่า “ความตาย” ด้วยเหตุนี้ ลิฟต์หลายแห่งในจีนจึงกำจัดหมายเลข 4 ออกจากระดับชั้นทั้งหมด
4.สีขาวเป็นสีแห่งการไว้ทุกข์
ประเพณีนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความตายกับสีดำ แต่ที่จริงแล้ว สีขาวเป็นสีที่สงวนไว้สำหรับความตายในประเทศจีน ซึ่งรวมถึงชุดงานศพสำหรับทั้งแขกและผู้ตาย พร้อมด้วยดอกไม้และซองเงิน อีกด้วย.
5.ซองจดหมายสีแดงเป็นของขวัญยอดนิยม
สำหรับวันเกิด วันรับปริญญา และวันขึ้นปีใหม่ ซองจดหมายสีแดงที่เต็มไปด้วยเงินถือเป็นของขวัญยอดนิยม การปฏิบัติเช่นนี้มีขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน ผู้สูงอายุจะร้อยเหรียญด้วยด้ายสีแดง นี่เป็นทั้งสัญลักษณ์แห่งความโชคดีและเป็นวิธีการปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย เช่นเดียวกับประเพณีส่วนใหญ่ ในปัจจุบันมันยังได้รับการอัปเดตเข้าสู่โลกดิจิทัลด้วย ผู้ใช้หลายๆคนสามารถที่จะส่งซองจดหมายสีแดงผ่านการชำระเงินผ่านมือถือ
6.คุณอาจจะต้องปฏิเสธตามมารยาทประมาณ 2-3 ครั้ง
มันเป็นเรื่องปกติที่จะปฏิเสธของขวัญในครั้งแรกเพื่อแสดงความเคารพและความอ่อนน้อมถ่อมตน ดังนั้น หากมีคนเสนอของขวัญให้คุณในประเทศจีน จงเตรียมปฏิเสธอย่างสุภาพสองสามครั้ง—คุณจะดูกระตือรือร้นและโลภน้อยลง และนี่จะการให้คะแนนมารยาทแก่คุณ!
7.สัตว์เลี้ยงสุนัขถือเป็นสัญลักษณ์สถานะ
ข้อเท็จจริงนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ดูแปลก เมื่อพิจารณาถึงประวัติการบริโภคเนื้อสุนัขของจีน (ตอนนี้กำลังลดลงแล้ว) สุนัขจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือจากนักเคลื่อนไหว ตอนนี้สุนัขจำนวนมากได้รับตำแหน่งอันทรงคุณค่าในฐานะสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะในหมู่ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต ตัวอย่างเช่น สุนัขพันธุ์ทิเบตันถูกซื้อกันอยู่ที่ราคา 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,280,000 ดอลลาร์)
8.น้ำเดือดคือน้ำดื่ม
โลกตะวันตกดูเหมือนจะดึงดูดใจด้วยการผสมผสานระหว่างน้ำร้อนกับมะนาว แต่คนจีนได้ดื่มน้ำร้อนมาหลายปีเพื่อฟื้นฟูสุขภาพและลดอาการเจ็บป่วย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะให้ดื่มน้ำร้อนกันในร้านอาหารแทนน้ำประปาหรือน้ำแข็ง
9. Facekinis หรือหน้ากากปิดหน้า เป็นของจำเป็น
ความปรารถนาที่จะมีสีผิวที่ซีดขาวนั้นยังคงเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรสวม “facekini” เมื่อคุณอยู่กลางแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ใกล้ชายฝั่ง การใส่หน้ากากปิดบังหน้าตานั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับประเทศจีน
10.การแบ่งปันลูกแพร์มักเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
แม้จะมันจะดูสุภาพเหมือนกับการแบ่งปันอาหารของคุณ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการแยกหรือผ่าแบ่งลูกแพร์กับเพื่อน ในภาษาจีน “การแบ่งแยกลูกแพร์” ออกเสียงเหมือนกับ “ร้าวฉาน หรือ แตกแยก” ด้วยเหตุนี้ การแบ่งปันลูกแพร์จึงมักถูกมองว่าเป็นลางร้ายและเป็นสัญญาณว่ามิตรภาพอาจจะเสื่อมลงในเร็วๆ นี้
และอีกหนึ่งเรื่องที่พิเศษมากๆ ..
ในโลกตะวันตก เราอาจจะเห็นได้ว่า มีชุดช้อนส้อมที่ซับซ้อนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราไปร้านอาหารที่มีระดับสักหน่อย ในประเทศจีน ตะเกียบเป็นช้อนส้อมหลัก และมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากๆ แม้ว่าร้านอาหารหลายแห่งอาจมีส้อม แต่ส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่มีใครเลยที่จะหยิบยกส้อมเล่มนั้นขึ้นมาใช้ !
อ้างอิง : brightside
