คุณเคยได้ยินประโยคนี้มั้ย? “คุณจะเงียบไปตลอดกาลและฉันจะหายไปในความมืด” มันเป็นประโยคที่มาจากคำสารภาพของฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่ง ที่พูดออกมาอย่างเย็นชา ต้องขอเตือนก่อนว่าบทความนี้มีเนื้อหาที่รุนแรงสะเทือนขวัญ โปรดระวังและประคองสติอารมณ์ของคุณให้ดี เพราะมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลังได้เลยเชียวละ
ไปดูกันว่าคำสารภาพเหล่านี้มาจากฆาตรต่อเนื่องคนใดบ้าง …
“เรา [ฆาตกรต่อเนื่อง] เป็นลูกชายของคุณ เราเป็นสามีของคุณ และเราเติบโตขึ้นมาในครอบครัวปกติ” — เท็ด บันดี้
สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดในรายการนี้ก็คือ เท็ด บันดี้ เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันที่ทำงานอยู่ในช่วงทศวรรษที่ 70 โดยมีเหยื่อที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 30 ราย และอาจมีมากกว่านั้น ในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของเขา วันก่อนการประหารชีวิต บันดี้ บอกกับ Dr. James Dobson ว่า ฆาตกรต่อเนื่องไม่ได้โดดเด่นเลยในฝูงชน และหากไม่มีใครสังเกต เขาก็ดูเหมือนกับคนทั่วไป !
“คุณจะเงียบไปตลอดกาลและฉันจะหายไปในความมืด” — Golden State Killer
ตั้งแต่ปี 1974 ถึง 1986 นักฆ่าหรือฆาตรกรต่อเนื่องคนนี้ ที่ได้รับฉายา Golden State Killer ได้ข่มขืนและสังหารผู้คน 13 คน และก่ออาชญากรรมมากกว่า 100 ครั้งในแคลิฟอร์เนีย ขณะพูดกับเหยื่อหลังจากบุกเข้าไปในบ้านของเธอ เขาพูดคำว่า “คุณจะเงียบไปตลอดกาล และฉันจะหายตัวไปในความมืดมิด”
“เกรซนั่งบนตักของฉันและฉันตัดสินใจว่าจะกินเธอ เธอเตะ กัด และข่วนอย่างไร ฉันบีบคอเธอจนตาย แล้วหั่นเธอเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่ฉันจะได้เอาเนื้อของเธอไปที่ห้อง ทำอาหาร และกินมันซะ” – อัลเบิร์ต ฟิช
รู้จักกันในชื่อ “The Gray Man” หรือ “มนุษย์หมาป่าแห่ง Wystoria” และ “แวมไพร์บรู๊คลิน” อัลเบิร์ต ฟิช ข่มขืน กิน และสังหารเด็ก 3 คนในนิวยอร์กซิตี้ระหว่างปี 2467 ถึง 2471 โดยมีเหยื่อที่ต้องสงสัยอีกหลายคน ในจดหมายที่ส่งถึงครอบครัวของ Grace Budd เหยื่อวัย 10 ขวบ ฟิช กล่าวว่าเขาใช้เวลา “เก้าวันในการกินทั้งตัวของเธอ” และบอกอีกว่าได้ลิ้มรสแล้วมันช่าง “หวานและนุ่ม” จริงๆ
“มันเป็นผู้ชาย เขากำลังอ้อนวอน ขอร้อง และอธิษฐาน เขาพูดว่า ‘ได้โปรด พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นฉันจึงบอกเขาว่าเขาสามารถมีเวลาครึ่งชั่วโมงในการอธิษฐานต่อพระเจ้า และถ้าพระเจ้า สามารถลงมาเปลี่ยนสถานการณ์ได้ เขาก็จะได้รับเวลานั้น” — ริชาร์ด คูคลินสกี้
นักฆ่า ริชาร์ด คูคลินสกี้ (Richard Kuklinski) หรือที่รู้จักในชื่อ “The Iceman” สังหารคน 6 คนในนิวยอร์กและนิวเจอร์ซีย์ และต้องสงสัยว่าสังหารอีกหลายคน ในการให้สัมภาษณ์กับ History Channel ในปี 1991 คูคลินสกี้ ได้พูดถึงเหยื่อรายหนึ่งที่เขาเสียใจที่ฆ่าโดยกล่าวว่า “แต่พระเจ้าไม่เคยปรากฏตัว” และ “นั่นก็เรื่องหนึ่ง ฉันไม่ควรทำอย่างนั้น”
“ถ้ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ ฉันจะทำงานให้เสร็จ” — ลอว์เรนซ์ ซิงเกิลตัน
ลอว์เรนซ์ ซิงเกิลตัน (Lawrence Singleton) ถูกสงสัยว่าฆ่าผู้หญิงมากกว่า 12 คน แต่สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุด คือ การโจมตีด้วยขวานของ Mary Vincent วัย 15 ปี ที่เขาข่มขืนเธอ ตัดแขนทั้งสองข้างของเธอด้วยขวาน แล้วผลักเธอลงจากหน้าผา แมรี่สามารถดึงตัวเองขึ้นไปบนหน้าผาด้วยตอไม้เพื่อขอความช่วยเหลือ และต่อมาก็สามารถระบุตัวผู้โจมตีเธอได้ เมื่อเธอเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหลังจากให้การกับเขา ซิงเกิลตันกระซิบกับเธอว่า “ถ้านี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ ฉันจะทำงานให้เสร็จ”
“ฉันมีกล่องอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของฉัน และมันบรรจุหัวมัมมี่และอวัยวะเพศของชายหนุ่มที่ฉันพบในบาร์แห่งหนึ่งในมิลวอกี” — เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์
เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffery Dahmer) ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และสังหารชาย และเด็กชายเกือบ 20 คน ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ถึงต้นทศวรรษ 90 เมื่อถูกตัดสินว่ามีความผิด เขานั่งลงเพื่อสัมภาษณ์กับ MSNBC และในขณะที่นั่งถัดจากพ่อของเขา เขาได้เล่ารายละเอียดที่น่าสยดสยองอย่างมากเกี่ยวกับเหยื่อของเขาและสิ่งที่เขาทำกับร่างกายของเหยื่อหลังจากการสังหาร
“ฉันชอบทำร้ายคน” — แมรี่เบลล์
เมื่ออายุเพียง 10 ขวบ แมรี่เบลล์ (Mary Bell) ได้รัดคอและสังหารเด็กชาย 2 คนในอังกฤษ หลังจากที่เธอถูกจับ แมรี่บอกกับตำรวจว่า “เธอชอบทำร้ายสิ่งที่ไม่สามารถโต้กลับได้ เพราะงั้นฉันจะเอาเข็มทิ่มเข้าไปในคนอื่นๆได้”
“ฉันเกิดมาพร้อมกับปีศาจในตัวฉัน ฉันไม่สามารถช่วยตัวเองจากความจริงที่ว่าฉันเป็นฆาตกรได้ ไม่มากไปกว่ากวีที่สามารถช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการร้องเพลงได้” — เอช. เอช. โฮล์มส์
ในช่วงทศวรรษที่ 1890 เอช. เอช. โฮล์มส์ (H. H. Holmes) ได้ซื้อร้านขายยาในชิคาโกใกล้กับสถานที่จัดงาน World’s Fair เขาปรับปรุงสถานที่ รวมทั้งสร้างโรงแรมในสถานที่แห่งนั้น หลังจากการตัดสินใจในการทำธุรกิจกำลังย่ำแย่ โฮล์มส์ก็ถูกจับและสารภาพในเวลาต่อมาว่า เขาเป็นคนฆ่าคนไปถึง 27 คน
“ในช่วงชีวิตของฉัน ฉันได้ฆ่าคนไปแล้ว 21 คน ฉันได้ก่อการลักขโมย ลอบวางเพลิงเป็นพันๆ ครั้ง และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ฉันได้เล่นสวาทกับผู้ชายมากกว่า 1,000 คน สำหรับสิ่งเหล่านี้ ฉันไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อย .” — คาร์ล แพนซ์แรม
จากปี 1920 ถึงปี 1928 คาร์ล แพนซ์แรม (Carl Panzram) ได้ข่มขืนและสังหารคนจำนวน 21 คนในคอนเนตทิคัตและนิวยอร์ก ในเดือนพฤศจิกายนปี 1928 แพนซ์แรม เขียนเกี่ยวกับชีวิตของเขาโดยลงรายละเอียดเกี่ยวกับการฆาตกรรมของเขารวมถึงกล่าวว่า “ฉันไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปใดๆ ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลอะไร ฉันเกลียดเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ถูกสาปแช่งรวมทั้งตัวฉันเองด้วย”
“ฉันอยากให้โลกรู้ว่าฉันฆ่าคนพวกนี้ เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ฉันเกลียดมนุษย์มานานแล้ว ฉันเป็นฆาตกรต่อเนื่อง” — ไอลีน วอร์นอส
ตั้งแต่ปลายปี 1989 ถึงกลางปี 1990 ไอลีน วอร์นอส (Aileen Wuornos) เป็นโสเภณีในฟลอริดาตอนกลางและตอนเหนือ และเมื่อเผชิญหน้ากับคู่นอนของเธอ เธอจะยิงพวกเขาในระยะเผาขน หลังจากถูกจับ วูร์นอส สารภาพว่าฆ่าคนไปทั้งหมด 7 คน และพูดต่อไปว่า “ฉันฆ่าพวกเขาอย่างเลือดเย็น น่ารังเกียจจริงๆ”
“เรื่องใหญ่ ความตายมักมาพร้อมกับการสร้างอาณาเขต เจอกันที่ดิสนีย์แลนด์” — ริชาร์ด รามิเรซ จาก The Night Stalker
ริชาร์ด รามิเรซ (Richard Ramirez) ได้ฉายาว่า “The Night Stalker” อย่างฉาวโฉ่ เพราะว่าเขาสังหารคนไปทั้งหมด 14 คน ตั้งแต่เดือนเมษายน 1984 ถึงสิงหาคม 1985 ก่อนที่จะถูกพิพากษา รามิเรซกล่าวในศาลว่า “ลูซิเฟอร์สถิตอยู่ภายในเราทุกคน”
“ฉันไม่เชื่อเรื่องการตีเด็ก ฉันไม่เชื่อเรื่องการตามใจเด็กด้วย” — จอห์น เวย์น กาซี่
เป็นเวลาหกปีในทศวรรษ 1970 ที่ จอห์น เวย์น กาซี่ (John Wayne Gacy) ผู้รับเหมาก่อสร้างที่อาศัยอยู่ในชิคาโก ได้หลอกล่อชายและเด็กชาย 33 คนเข้าไปในบ้านของเขา ซึ่งเขาได้รัดคอ สังหาร และฝังศพของพวกเขา ในการให้สัมภาษณ์กับ CBS กาซี่ อ้างว่าเขาไม่ได้กระทำการฆาตกรรม ตามที่ถูกกล่าวหาโดยส่วนใหญ่ เขากล่าวว่า “ถ้าคุณต้องการตั้งข้อหาอะไรกับฉัน ให้ตั้งข้อหาฉันด้วยการสมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมสองครั้ง” โดยยืนยันว่าเขาช่วยกำจัดศพของเหยื่อสองคนเท่านั้น
“หลังจากที่เขาเสียชีวิต ฉันก็อาบน้ำให้เขา และเมื่อฉันวางเขาเปลือยกายไว้บนเตียง ก็สบายใจได้เมื่อได้เห็นเขาอยู่อย่างสงบ” – เดนนิส นิลเซ่น
ในช่วงปลายยุค 70 และต้นยุค 80 เดนนิส นิลเซ่นได้สังหารชายหนุ่ม 12 คนในลอนดอน ในจดหมายที่เขียนโดย นิลเซ่น เรื่อง “Mental Condition Notes” เขาไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงฆ่าคนได้มากเท่าที่เขาทำ และเขารู้สึกเหมือนเป็น “คนโรคจิตที่มีความคิดสร้างสรรค์” มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น
“หลังจากที่หัวของฉันถูกตัดออก ฉันจะยังได้ยินอยู่ไหม อย่างน้อยซักครู่หนึ่ง ถ้าเสียงเลือดของฉันพุ่งออกมาจากคอของฉันเอง” – ปีเตอร์ เคิร์เตน
ปีเตอร์ เคิร์เตน (Peter Kurten) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวเยอรมันที่รู้จักกันในชื่อ “The Vampire of Dusseldorf” เคิร์เทนมีสายเลือดที่แปลกประหลาดและเต็มไปด้วยกามารมณ์ ก่อนการประหารชีวิต เมื่อพูดถึงการได้ยินเลือดไหลออกจากคอ เขาพูดว่า “การสิ้นสุดความสุขทั้งหมดนั้นเป็นความยินดี”
“ด้านหนึ่งของฉันพูดว่า ‘ฉันต้องการคุยกับเธอ เดทกับเธอ’ อีกด้านหนึ่งของฉันพูดว่า ‘ฉันสงสัยว่าหัวของเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อติดอยู่กับไม้’” – เอ็ดมุนด์ เคมเปอร์ , Coed Killer
ระหว่างปีพ.ศ. 2507 ถึง พ.ศ. 2516 เอ็ดมันด์ เคมเปอร์ ได้สังหารคนไป 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาวิทยาลัย ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “The Coed Killer” นอกเหนือจากแม่และปู่ย่าตายายของเขา ขณะพูดคุยกับนิตยสาร Front Page Detective เคมเปอร์ ได้อธิบายกระบวนการคิดของเขาเมื่อพบเหยื่อ รวมทั้งกล่าวว่า “ครั้งแรกที่คุณ [มีเพศสัมพันธ์กับศพ] มันจะทำให้คุณรู้สึกปวดท้อง”
อ้างอิง : buzzfeed