บางครั้งวิธีที่เราประพฤติหรือสิ่งที่เราพูดสามารถผลักดันผู้คนออกไปได้ อาจมีลักษณะบางอย่างของคุณที่คุณไม่ภาคภูมิใจและต้องการเปลี่ยนแปลง หรือในทางกลับกันมันอาจเป็นสิ่งที่คุณมองว่าเป็นแง่บวก และเหตุผลที่ทำให้คนบางคนไม่พอใจ คือวิธีที่พวกเขารับรู้สิ่งที่คุณกำลังสื่อออกมา ไม่ว่าในกรณีใด สัญญาณบ่งบอกบุคลิกภาพของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตระหนักถึงลักษณะเหล่านั้นมันอาจกำลังข่มขู่ผู้อื่นอยู่ ในตอนท้ายของบทความเราจะบอกคุณด้วยว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอะไรได้บ้าง เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของคุณ
1.คุณซื่อสัตย์อย่างไร้ความปราณี
ความซื่อสัตย์ เป็นหนึ่งในลักษณะที่กำหนดบุคลิกภาพของคุณ คุณชอบที่จะซื่อสัตย์กับผู้คนแม้ว่าบางครั้งมันจะหมายถึงการพูดความจริงที่ยากลำบากหรือการพูดจาโผงผางและทำร้ายใครสักคน คุณรู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะพูดความในใจของคุณมากกว่าการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกคลุมเคลือหรือโกหกอีกฝ่ายแทน.
2.คุณไม่ชอบการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ
คุณไม่ชอบเสียเวลาไปกับการพูดคุยกับผู้คนเกี่ยวกับสภาพอากาศ วันหยุดสุดสัปดาห์ของพวกเขาเป็นอย่างไรหรือเรื่องอื่นๆที่ผู้คนมักจะพูดคุยกันเพื่อเป็นมิตรและสุภาพ คุณคิดว่าการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูเหมือนไม่มีจุดหมายสำหรับคุณ คุณชอบพูดตรงไปตรงมา เข้าประเด็นและพูดคุยในสิ่งที่สำคัญจริงๆหรือมีการสนทนาที่มีความหมายมากกว่าการถามสัพเพเหระกับคนอื่น
ด้วยเหตุนี้ คุณจึงข้ามเรื่องที่น่ายินดีหรือไม่ได้พูดคุยกับคนที่คุณรู้ว่า คุณจะไม่มีการสนทนาด้วย และนั่นเป็นสาเหตุที่คุณอาจถูกมองว่าหยาบคายหรือเย็นชากับคนอื่นๆ.
3.คุณไม่มีความอดทนต่อความไม่รู้
แม้ว่าคุณจะชอบเปิดใจและชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะทำเช่นเดียวกันเสมอไป ดังนั้นเมื่อใครบางคนได้รับการตัดสินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งที่พวกเขาไม่มีความรู้จริงๆ มันอาจกวนประสาทคุณได้ ด้วยเหตุนี้คุณจึงพยายามหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้น หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คุณอาจเสียอารมณ์กับพวกเขาและกลายเป็นเอามาเป็นอารมณ์ของตัวเอง.
4.คุณทนการถูกบ่นไม่ได้
คุณไม่แก้ตัวและด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้คุณไม่ยอมรับพวกเขา และคุณคาดหวังให้คนอื่นทำเช่นเดียวกัน คุณอยากให้คนอื่นมารวมตัวกันและจัดการกับปัญหาของพวกเขามากกว่าที่จะเสียเวลาเสียใจกับตัวเอง และถ้าคุณต้องทำงานกับคนเหล่านั้นคุณจะรู้สึกว่าจะทำให้พวกเขาเสียเวลาไปด้วย
และถ้าหากคุณเป็นคนโผงผางและกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นต่อพวกเขา ผู้คนอาจมองว่าคุณเป็นคนใจร้ายและไม่เห็นใจราวกับว่าคุณเป็นหุ่นยนต์ที่เอาแต่สนใจแต่ผลลัพธ์ และไม่แยแสกับการต่อสู้ที่พวกเขาต้องเผชิญ.
นอกจากนี้ยังอาจจะมีลักษณะบางอย่างของบุคลิกภาพของคุณที่กำลังเป็นอยู่ที่ไม่ส่งผลอะไรในเชิงบวก แต่พวกเขายังอาจถูกมองว่าเป็นการข่มขู่อยู่
1.คุณยึดติดกับคำพูดของตัวเอง
ความสามารถในการรักษาคำพูดของคุณมาด้วยความซื่อสัตย์ เมื่อคุณทำตามสัญญาที่คุณพูดเอาไว้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำตามสัญญาได้ ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นว่าคำพูดของคุณนั้นเป็นพันธะ ที่เปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขา มันจะเกิดความแตกต่างและอาจทำให้พวกเขาอาจรู้สึกอับอายและหมดหนทางไปต่อได้.
2.คุณเปิดใจกว้าง
การลองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอาจไม่ได้ทำให้คุณอึดอัด ซึ่งแตกต่างจากบางคน คุณเปิดใจที่จะรับฟังเรื่องราวทั้งสองด้านและการตัดสินใจ และความคิดเห็นเหล่านั้นจะถูกนำมาพิจารณาในความคิดของคุณอีกที คุณได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่ไม่คุ้นเคยซึ่งอาจทำให้คุณเริ่มทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆ แต่สิ่งใหม่และแปลกมักจะทำให้ผู้คนไม่อยู่ในขอบเขตที่พวกเขารู้สึกสบายใจ ดังนั้นเมื่อคุณท้าทายวิธีคิดของพวกเขา พวกเขาอาจรู้สึกว่ากำลังถูกคุณคุกคาม !
3.คุณเข้มแข็ง เอาแต่ใจ และดื้อดึง
หากคุณมุ่งมั่นที่จะทำอะไรสักอย่าง คุณจะทำไม่ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึงอะไรที่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คนอื่นคาดหวังจากคุณก็ตาม คุณไม่กลัวที่จะต่อต้านการเติบโตและยืนอยู่คนเดียว หากวิธีคิดหรือการทำสิ่งต่างๆไม่ตรงกับบรรทัดฐาน และหากคุณไม่สามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการได้ในทันที คุณก็มีความเชื่อมั่นและศรัทธาที่จะพยายามต่อไป ไม่ว่าคนอื่นจะดูว่าคุณเหมือนไม่มีจุดหมายและแปลกแค่ไหนก็ตาม.
โบนัส: คุณสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอะไรได้บ้าง?
พยายามพิจารณาว่าผู้คนจะรู้สึกอย่างไร หลังจากที่คุณบอกพวกเขาด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง หากมีใครสามารถจัดการกับความจริงได้ก็บอกพวกเขาไปเลย แต่บางคนอาจเจ็บปวดกับคำพูดของคุณและส่งผลให้ความสัมพันธ์ของคุณกับบุคคลนั้นเสียหายได้ พยายามถ่ายทอดความคิดของคุณด้วยความสัตย์จริง แต่ให้เกียรติอีกฝ่าย
ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังให้ข่าวร้ายกับใคร คุณสามารถพูดตรงๆได้ แต่ก็พยายามแสดงการสนับสนุนด้วย หรือหากคุณต้องวิพากษ์วิจารณ์งานของใครบางคนให้มุ่งเน้นไปที่การกระทำของพวกเขา และอย่าตำหนิความล้มเหลวของพวกเขาในฐานะบุคคล แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจในการทำงานให้ดีขึ้น และให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสามารถปรับปรุงได้ในอนาคต.
เนื่องจากผู้คนคุ้นเคยกับการพูดคุยผูกมิตรด้วยเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ เพื่อทำลายน้ำแข็งที่กั้นกลางความห่างระหว่างกัน ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจจริงๆและคุณรู้สึกว่าเสียเวลา ให้พยายามพูดให้สั้นลง แต่มันคงคุ้มค่ากว่าที่จะหาเวลาสำหรับการสนทนาแบบเป็นกันเองเพื่อให้ผู้คนอบอุ่นใจกับคุณ และการสนทนาต่อไปของคุณจะไหลลื่นขึ้น.
ในสถานการณ์ที่มุมมองของคุณและคนอื่นแตกต่างกัน พยายามอย่าให้อารมณ์หรือทำให้ใครขุ่นเคือง ลองนึกภาพว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าหากพวกเขายอมคิดเหมือนคุณและเลือกข้อโต้แย้งเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของคุณที่อาจเกี่ยวข้องกับคนที่คุณไม่เห็นด้วย.
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือ บางครั้งคนเราก็แค่ต้องปล่อยอารมณ์ออกไป แม้ว่ามันจะหมายถึงการดูอ่อนแอด้วยการบ่นและรู้สึกเสียใจกับตัวเองก็ตาม แทนที่จะวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาที่ทำเช่นนั้น ให้คุณพยายามแสดงการสนับสนุนและช่วยเหลือให้พวกเขากลับมายืนหยัดได้หลังจากที่พวกเขามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก พวกเขาจะขอบคุณที่ให้การสนับสนุน ดังนั้นในสถานการณ์ที่คุณอาจรู้สึกแปลกแยกกับใครสักคน คุณควรทำตัวให้เหมือนเพื่อนหรือที่พักพิงของพวกเขาแทน.
ข้อมูลและรูปภาพจาก : Bright Side