เวลาเราเลือกซื้อแตงโม หากต้องการรสหวาน ต้องดูว่ามีก้านสีน้ำตาลหรือไม่ และเราจะได้ไก่สดโดยการตรวจสอบวันที่บรรจุภัณฑ์ แม้ว่าคุณคิดว่ากระเป๋าช้อปปิ้งของคุณเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์สดใหม่บางทีคุณอาจไม่ได้สินค้าที่ดีที่สุดไป ดังนั้นการเลือกซื้อสินค้าที่ถูกต้องจึงเป็นเทคนิคที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง หากเราหยิบชิ้นผิดไปละก็มันอาจจะสร้างความแตกต่างในรสชาติอาหารของเราในมื้อนั้นได้เลยนะ
แอดจึงขอนำบทความจาก Bright Side มาแปลให้อ่านกัน ไปดูรายละเอียดกันเลย..
1.ขนมปัง
- ก่อนซื้อดูที่ฉลากส่วนผสมแล้วมองหาคำแรกในรายการส่วนผสม หากเจอ“ แป้งโฮลวีต” ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี แป้งนี้จะช่วยให้คุณมีได้รับไฟเบอร์และวิตามิน มากกว่า “ขนมปังที่เต็มไปด้วยแป้งฟอกขาว”
- กดบนขนมปังเบา ๆ ถ้ามันกลับมาเป็นรูปแบบดั้งเดิมนี่เป็น ขนมปังคุณภาพสูง หากลายนิ้วมือของคุณยังคงอยู่บนขนมปังอาจเป็นสัญญาณของกระบวนการอบที่ไม่ถูกต้องหรืออาจจะถูกแช่แข็งมาก่อนนำมาจำหน่าย
2. ไก่
- เราต้องตรวจสอบสีที่แตกต่างของเนื้อไก่ที่ผ่านการตัด ถ้าหากหนังของมันมีสีซีดกว่าเนื้อ และ หากผิวของไก่มีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอ่อน อย่าหยิบมันมานะ!
- เนื้อจะต้องตึง, มีสีขาวไล่ไปเป็นสีน้ำตาลอ่อน, ชื้นและไม่มีเลือด ระวังถาดรองใส่เนื้อด้วยเช่นกัน หากเนื้อของมันดูแห้งไม่ต้องเลือกซื้อ!
- อย่าตรวจสอบวันหมดอายุ ให้ตรวจสอบวันที่บรรจุภัณฑ์แทน หากอยู่ในภาชนะบรรจุนานกว่า 2 วัน อย่าเลือกมันมาเชียวละ
3. แตงโม
- ดูที่โคนหาง หากแตงโมมีก้านสีน้ำตาลแห้งแสดงว่าสุกและพร้อมรับประทาน
- ตรวจสอบความเข้มของพื้นที่สีเหลืองที่แตงโมมี ส่วนสีเหลืองนี้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ผลไม้ได้รับการพักบนที่ดินที่เราปลูกต้นแตงโม หากมีจุดสีเหลืองเข้มก็จะเป็นแตงโมหวาน
- ในการตรวจสอบที่ดีอย่างหนึ่งที่เราจะต้องตรวจสอบโดยการฟังเสียงความดังของแตงโม เคาะมันเบาๆ หากได้ยินเสียงราวกับว่ามันดังก้องแสดงว่าผลยังไม่สุก หากเสียงที่ออกมานั้นรู้สึกโหว่งๆกลวงและหรือรู้สึกทื่อๆแล้ว แสดงว่าแตงโมอยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถทานได้
4. มะเขือเทศ
- เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้, ควรหลีกเลี่ยงการซื้อใน มะเขือเทศที่อยู่ในภาชนะพลาสติก นี่เป็นเพราะคุณจะไม่สามารถตรวจสอบว่ามีความสดใหม่หรือไม่ และภาชนะเดียวกันมันจะรวมมะเขือเทศเอาไว้ด้วยกันอาจมีความสุกแตกต่างกันได้
- ผิวควรจะเรียบและตึง เมื่อคุณถือมันขึ้นมาในมือ จะรู้สึกถึงน้ำหนักของมัน มะเขือเทศสุกจะมีน้ำหนักเป็นสองเท่าของมะเขือเทศที่ยังไม่สุก
- หากลองดมกลิ่นแล้วคุณตรวจไม่พบสิ่งใดแสดงว่ามะเขือเทศยังไม่สุกเต็มที่ มะเขือเทศต้องมีกลิ่นเหมือนมะเขือเทศ โดยเฉพาะส่วนที่เชื่อมต่อกับก้าน
5. เมล่อน
- เปลือกของเม่ล่อนหวานไม่ควรเป็นสีเขียวเกินไป หากมีโทนสีเหลืองแสดงว่าเมล่อนใช้เวลาพอสมควรบนพื้นดินที่ได้รับแสงแดด ดังนั้นมันจะมีความหวานมากขึ้น
- นำเมล่อนมาและเคาะ ที่ด้านข้าง ถ้ามันสั่นสะเทือนแสดงว่ามันกำลังจะสุก
- คุณสามารถเขย่าฟังเสียงมัน ถ้าคุณได้ยินเสียงน้ำอยู่ข้าง ในนั่นหมายความว่ามันสุกเกินไปและเริ่มเสื่อมสภาพ
- แตะที่ปลายทั้งสองด้านของเมล่อนแล้วใช้ แรงกดเล็กน้อย ถ้าพวกเขานิ่มแตงจะหวาน
6. พริกไทย
- สิ่งแรกที่ต้องตรวจสอบคือพริกไทยต้องมีสีเข้มที่ไม่มีคราบสิ่งสกปรกหรือรอยด่าง เมื่อคุณเลือกมัน ต้องลองยกมันขึ้นมาดูว่ามันมีน้ำหนักสมส่วนเหมาะสมหรือเปล่า
- จากนั้นคุณต้อง ดูด้านล่าง หากมีการรอยแยก 2 หรือ 3 รอยแสดงว่าพริกจะมีความขมมากกว่าหากมีการรอยแยก 4 รอย ในทางตรงกันข้ามพริกที่มีการรอยแยกที่ด้านท้าย 4 รอยจะมีเมล็ดน้อยลงซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้ง่ายขึ้น
- ตรวจสอบก้านที่ติดมาด้วย หากเป็นสีเขียว มีความแข็งแรง ตึง ดึงไม่หลุด และกรอบนี่คือสัญญาณของความสดใหม่
7. ปลา
- ก่อนอื่นให้ดูที่ปลาตา ตรวจสอบดูว่าดวงตายื่นออกมาหรือไม่และรูม่านตานั้นมีสีดำเป็นประกาย
- ผิวควรมีความสว่างและอ่อนนุ่มน่าสัมผัส หากคุณรู้สึกว่าผิวเหนียวหรือดูมัวๆปลาจะไม่สด
- เนื้อปลาต้องตึงและโปร่งแสงมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียน หากคุณลองบีบเนื้อปลา เบาๆ มันจะต้องไม่มีรอยนิ้วมือของคุณติดลงไปบนตัวปลา
8. บวบ
- เน้นการดูที่ขนาดเนื่องจากนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับรสชาติ บวบที่ใหญ่กว่ามันมีโอกาสมากขึ้นที่บวบจะ ขม ให้เลือกขนาดกลางระหว่าง 15 ถึง 20 เซนติเมตร บวบจะมีเมล็ดน้อยกว่าบวบที่ใหญ่กว่าและจะมีเนื้อที่อร่อยมากกว่า
- จากนั้นคุณสามารถตรวจสอบลำต้นหรือก้านของบวบ ถ้าเพิ่งตัดมาใหม่ๆ ก้านจะมีความสดใหม่เป็น สีเขียว
9. กล้วย
- ตรวจสอบก้านของพวง เลือกพวงที่มีก้านสีเขียวไล่ไปเป็นสีเหลืองอ่อนบ้าง หากตรงก้านเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและกล้วยมีจุดสีดำจำนวนมากก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าพวงนั้นโตเต็มที่
- กล้วยจะอยู่ได้นานถ้าเก็บไว้ในหวีของมันแทนที่จะแยกกัน อย่าเลือกกล้วยที่แยกได้เว้นแต่คุณจะกินมันทันที
10. น้ำผึ้ง
- น้ำผึ้งโปร่งแสงไม่ได้แปลว่าดีกว่า ความเข้มของสีอาจแตกต่างกัน แต่ถ้าน้ำผึ้งมีความ ทึบแสงนั่นหมายความว่ามันเป็นธรรมชาติมากกว่าและผ่านการแปรรูปน้อยกว่ามันจึงมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นและมีคุณสมบัติมากขึ้น
- น้ำผึ้งที่มีความสดใหม่สามารถตกผลึกได้ง่ายขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดลง น้ำผึ้งเป็นสารละลายที่มีความอิ่มตัวสูงในน้ำตาลดังนั้นเมื่ออุณหภูมิลดลงความสามารถในการละลายในน้ำเพียงเล็กน้อยของพวกมันจะลดลงและพวกมันจะกลายเป็นผลึกแข็ง แต่สบายใจได้ ถ้าขวดน้ำผึ้งมีชั้นผลึกขึ้นที่ด้านล่างมันเป็นสัญญาณของความสดใหม่
11. ผักกาดหอม
- ลองตรวจสอบว่ามันไม่มีรูหรือใบที่ถูกกินไปแล้ว นอกจากนี้ต้องดูว่ามันจะต้องไม่มีสีน้ำตาลตรงขอบใบด้วยนะ
- สีของมันควรเป็นสีอ่อนหรือสีเขียวเข้มและสว่างมาก หากสีของมันดูไม่มั่นคงสม่ำเสมอให้หลีกเลี่ยงผักกาดหอมต้นนั้นซะ
12. อาหารกระป๋อง
- เราต้องแน่ใจว่าแพ็คเกจนั้นปิดอย่างสมบูรณ์ ใส่ใจกับความไม่สมบูรณ์ของโครงสร้างแพ็คเกจ หากมีรอยบุบบนกระป๋องที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นสนิมมันอาจเป็นอันตรายได้
- ในกรณีของอาหารกระป๋องเราไม่สามารถตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยประสาทสัมผัสของเราดังนั้นเราต้องตรวจสอบฉลากอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบว่าระดับของเกลือและน้ำตาลไม่สูงเกินไป ควรซื้ออาหารกระป๋องที่เก็บรักษาไว้ในน้ำหรือในน้ำหัวเชื้อของมันเองโดยให้มีสารกันบูดน้อยที่สุด
13. ชีส
- ชีสชิ้นหนึ่งที่มีขอบกว้างบ่งบอกว่ามันไม่สด ชีสต้องการความชื้นในการพัฒนาและอยู่ในสภาพที่ดี ดังนั้นขอบของมันจะบอกเราว่ามันถูกตัดมานานแค่ไหนแล้ว
- หากมีน้ำมันเป็นคราบติดอยู่บนฟิล์มห่ออาหารแสดงให้เห็นว่าชีสมีการสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิหลายประการ ดังนั้นจึงได้ปล่อยน้ำมันออกมาจากภายในซึ่งมันจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืน
ข้อมูลและรูปภาพจาก : Bright Side
Related posts