Friday, 22 November 2024

ทำไมเราถึงไม่ควรให้น้ำดื่ม แก่เด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน

มันยากที่จะจินตนาการถึงชีวิตของเราโดยไม่ต้องดื่มน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่แดดร้อน แต่ลูกน้อยของเราต้องการมันเมื่อลูกยังเล็ก ใช่หรือไม่? แต่ผลปรากฎว่าทารกควรได้รับน้ำดื่มหลังจากอายุ 6 เดือนเท่านั้นมิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพวกเขา การเริ่มให้ลูกกินน้ำอาจเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมากและควรพิจารณาให้ลึกซึ้งกว่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกน้อยของคุณนั้นปลอดภัย

นมแม่เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอให้ลูกน้อยได้รับความชุ่มชื้น

เด็ก,ทารก,ชงนม,นมแม่,น้ำผง,ขวดนม

สิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจ คือ แหล่งของไขมัน โปรตีน น้ำตาล แร่ธาตุและส่วนประกอบสำคัญอื่นๆ ที่ร่างกายของเด็กที่กำลังเติบโตต้องการมากที่สุด คือ น้ำนมจากแม่  และมันก็เป็นน้ำมากกว่า 80% เช่นกัน มันช่วยตอบสนองความกระหายของทารกได้อย่างเต็มที่ แม้ในขณะที่อากาศร้อน ดังนั้นทุกครั้งที่ลูกของคุณได้รับน้ำนมจากแม่พวกเขาจะได้รับน้ำพร้อมสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมด

หากคุณให้นมลูกด้วยนมผงเด็กก็จะได้รับน้ำเพียงพอด้วยเช่นกัน แต่ต้องระวัง – ไม่ควรใส่น้ำเพื่อผสมนมผงน้อยจนเกินไปหรือมากจนเกินไปสำหรับทารก มิฉะนั้นลูกของคุณจะไม่ได้รับแคลอรี่และสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาตามช่วยวัย

เริ่มให้น้ำหลังจากที่พวกเขาอายุ 6 เดือนขึ้นไปเท่านั้น

ตามที่ องค์การอนามัยโลก ระบุว่าเด็กทารกไม่ต้องการน้ำในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต กุมารแพทย์เชื่อว่า ถ้าจะให้ปลอดภัยควรที่จะให้ทารกดื่มน้ำ 2-4 ออนซ์ระหว่าง 6 ถึง 12 เดือน แต่อย่าแปลกใจ ถ้าลูกน้อยของคุณไม่ค่อยสนใจที่จะดื่มน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับทารกที่ยังคงได้รับนมแม่หรือนมผง

ทำไมการให้น้ำแก่ทารกก่อน 6 เดือนอาจเป็นอันตรายได้ !!

การให้น้ำแก่ทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน อาจทำให้ทารกขาดสารอาหารได้ เพราะจะทำให้ทารกดื่มนมแม่น้อยลงและได้รับแคลอรี่และสารอาหารน้อยลง นอกจากนี้น้ำหรือน้ำผสมนมผงได้ไม่พอดีกันกับสูตรที่ให้กับทารกเล็กๆ อาจทำให้เกิดอาการมึนเมาซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในกรณีที่น้ำที่ให้เด็กไม่สะอาดอาจทำให้ติดเชื้อได้ น่าเสียดายที่มีหลายกรณีที่ผู้ปกครองคิดว่าพวกเขาสามารถยืดหยุ่นสูตรการชงนมผง โดยกะปริมาณนมผงที่มีได้หากพวกเขาผสมน้ำลงไป แต่สิ่งนี้ทำให้ชีวิตของลูก ๆ ตกอยู่ในอันตราย

หากคุณไม่ทราบวิธีที่ถูกต้องในการเลี้ยงลูกของคุณหรือหากคุณมีคำถามอื่น ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร แนะนำให้ปรึกษากุมารแพทย์ที่จะตรวจดูลูกของคุณและตอบคำถามทั้งหมดที่คุณสงสัย.

ข้อมูลและรูปภาพจาก : Bright Side

Exit mobile version