Sunday, 24 November 2024

โอลีฟวากิว (Olive Wagyu) – เนื้อวากิวที่หายากที่สุดในโลก

อลีฟวากิว (Olive Wagyu) หรือ เนื้อวากิวที่หายากที่สุดในโลก ด้วยวัวเพียง 2,200 ตัวที่เพาะพันธุ์โดยเฉพาะ ซึ่งเก็บเกี่ยวได้เพียงไม่กี่ตัวในทุกๆเดือน เนื้อโอลีฟวากิวถือได้ว่าเป็นเนื้อสำหรับทำสเต็กประเภทที่หายากที่สุดในโลก

ความเป็นว่าของ โอลีฟวากิว (Olive Wagyu)

โอลีฟวากิว (Olive Wagyu) – เนื้อวากิวที่หายากที่สุดในโลก

ประวัติของ โอลีฟวากิว (Olive Wagyu) มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของเกาะโชโดชิมะ ในจังหวัดคางาวะของญี่ปุ่น และยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “เกาะโอลีฟ หรือ เกาะมะกอก “

เนื่องจากตรงบริเวณปากน้ำซึ่งเทียบได้กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โชโดชิมะ จึงเป็นถิ่นกำเนิดของการเพาะปลูกมะกอกของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีการเลี้ยงโควากิวตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 โดยส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่เอาไว้ใช้งานหนักๆ การทำนาข้าว และลากของหนักด้วยพลังงานและพละกำลังของพวกมัน

แต่จนกระทั่งชาวนาท้องถิ่นคนหนึ่งคิดหาวิธีผสมผสานการส่งออกหลักของโชโดชิมะขึ้นมาใหม่โดยการนำมะกอกมาผสมเข้ากับอาหารของวัว แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นว่า “วัวไม่สามารถทนกับรสขมของมะกอกได้

ภาพจาก : olivefedbeef

การทำเนื้อมะกอกวากิวมีที่มาจาก นาย มาซากิ อิชิอิ เกษตรกรบนเกาะโชโดชิมะ

ซึ่งรู้สึกท้อแท้กับปริมาณมะกอกที่ใช้แล้ว ที่เหลือทิ้งในทุกๆปี ซึ่งเป็นมะกอกที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำมัน เขาจึงตัดสินใจทำบางอย่างเกี่ยวกับมัน เพราะว่ามะกอกพวกนี้มันอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ดังนั้น มาซากิจึงคิดว่าจะต้องมีวิธีที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้แน่ๆ

ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของฟาร์มเนื้อวากิว เขาจึงพยายามให้อาหารวัวโดยใช้มะกอกที่ใช้แล้วแก่วัวของเขาแต่นั่นก็กลายเป็นความคิดที่แย่มาก วัวไม่กินอาหารที่ผิดปกติ เนื่องจากมะกอกดิบมีเนื้อสัมผัสและรสขมที่ไม่ธรรมดา และพวกวัวของเขาก็ไม่ชอบเอาซะเลย แต่มาซากิก็ไม่ละทิ้งความพยายามของเขา แต่เขาเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้มะกอกที่ใช้แล้วอร่อยขึ้นมาแทน

จากการลองผิดลองถูก มาซากิ พบว่าการนำไปปิ้ง แล้วนำมาตากให้แห้ง และกดมะกอกที่ใช้แล้วเบาๆ เพื่อดึงน้ำตาลธรรมชาติออกมา มันสามารถทำให้กากมะกอกเหล่านี้มีรสชาติอร่อยขึ้นได้ นั่นเป็นเพราะการปิ้งมันเพื่อดึงน้ำตาลธรรมชาติในมะกอกออกมา

แต่ในขณะที่มาซากิประสบความสำเร็จในการทดลองผิดทดลองถูกนี้ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาสามารถเปลี่ยนแปลงความนิยมของเนื้อวากิวได้ จนกระทั่งในภายหลัง การเสริมอาหารของวัวด้วยมะกอกใช้แล้วจะเปลี่ยนรสชาติของเนื้อสัตว์ได้ และมีผู้ชื่นชอบชาวญี่ปุ่นสังเกตเห็นว่า ช่วงเวลาที่พวกเขาลิ้มรสมัน เห็นได้ชัดว่าความสมบูรณ์ของมะกอกทำให้รสชาติ อูมามิของเนื้อเข้มข้นขึ้น มันทำให้สเต็กที่ชุ่มฉ่ำอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

ภาพจาก : olivefedbeef

ไม่ใช่แค่รสชาติที่มีอิทธิพลของอาหารมะกอกของวัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อลายหินอ่อนของเนื้ออีกด้วย ลายหินอ่อนวากิวมีชื่อเสียงอยู่แล้วในหมู่นักชิมสเต็กทั่วโลก แต่วากิวมะกอกมีลายหินอ่อนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เนื้อวากิวเนียนยิ่งขึ้น

มีหลายคนบอกว่า เนื้อโอลีฟวากิว มีปริมาณกรดโอเลอิกสูงในมะกอก ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งไขมันที่ดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นเนื้อวัวนี้จะมีสุขภาพที่ดีกว่าวากิวที่เลี้ยงแบบปกติ และมากกว่าเนื้อวัวทั่วไป

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เนื้อโอลีฟวากิว มีความพิเศษบางอย่างที่น่าสนใจ แต่น่าเศร้าที่มันเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะได้ลิ้มลอง เนื่องจากวัวเหล่านี้ผลิตได้จำนวนจำกัดมาก

– วากิวดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 2,200 ตัวในโลกเท่านั้น –

เนื้อโอลีฟวากิว จึงหายากในญี่ปุ่น นี้ยังไม่นับโลกที่เหลือเลยนะ มีรายงานว่าโอลีฟวากิวนั้นหายากมากจนเจ้าของร้านอาหารจำนวนมากในญี่ปุ่นบางร้านเองก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

อย่างที่คุณจินตนาการได้ สเต็กที่หายากแบบนี้ก็ไม่ได้มีราคาถูกเช่นกัน Crowd Cow ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่จำหน่าย เนื้อโอลีฟวากิว ในสหรัฐอเมริกา ขายสเต็กเนื้อริบอาย A5 บนเว็บไซต์ในราคา 240 ดอลลาร์ต่อชิ้น (หรือประมาณ 8,000 บาท) ที่ร้านอาหาร ถ้าคุณสามารถหา เนื้อโอลีฟวากิว ได้ในเมนู นั้มันจะมีราคาเกือบ 500 ดอลลาร์ (หรือประมาณ 16,000 บาท) ต่อสเต็ก 1 ชิ้นเชียวละ !

อ้างอิง : odditycentral