หากเรากินอัลมอนด์ทุกวันจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเราบ้าง?

รู้หรือไม่? การกินอัลมอนด์ทุกวันสามารถช่วยชีวิตของคุณได้ ในการวิจัยของ American Heart Association พบว่า การบริโภคถั่วในระดับต่ำจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 

และในบรรดาถั่วต่างๆ อัลมอนด์อาจเป็นอาหารโปรดของใครหลายๆคน ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่ดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประโยชน์ของมันด้วย

และนี่คือ

การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย 4 ประการเมื่อรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำทุกวัน

ช่วยลดสิว

จากการวิจัย พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นสิวรุนแรงจะมีวิตามินอีในกระแสเลือดน้อยกว่า 9% 

การกินอัลมอนด์เพื่อปรับปรุงสภาพผิวเป็นการรักษาแบบดั้งเดิมของตะวันออกกลางที่สืบทอดมายาวนาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์ อัลมอนด์เต็มไปด้วยวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยให้คุณรักษาสิวและฟื้นฟูผิวได้ หากคุณสามารถทนต่อไขมันโอเมก้า 6 ในปริมาณสูงได้

ช่วยในการรักษาโรคเบาหวาน

การวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 2 มีแนวโน้มที่จะมีสภาพร่างกายดีขึ้น ด้วยการรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำทุกวัน ไม่เพียงแต่ช่วยคลายการอุดตันของหลอดเลือด โดยการลด“ คอเลสเตอรอลที่ไม่ดี” แต่ยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยแร่ธาตุอีกด้วย

ช่วยในการฟื้นตัวจากการคลอดบุตร

อินเดียมีประเพณีการกินอัลมอนด์มายาวนาน ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบตามธรรมชาติ เพื่อควบคุมการไหลเวียนของลำไส้และเพิ่มพลังงาน อัลมอนด์เป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารอายุรเวท และมักแนะนำให้สตรีหลังคลอดบุตรรับประทาน เพื่อช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วและหลีกเลี่ยงผิวแตกลาย

อาจทำให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง

ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ในบทความ อัลมอนด์สามารถปรับปรุงการทำงานของสมองได้

การกินอัลมอนด์ 74 กรัมต่อสัปดาห์ อาจทำให้ลูกน้อยของคุณฉลาดขึ้น จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวสเปนที่สังเกตหญิงตั้งครรภ์จำนวน 2,208 คน เด็กๆที่เกิดออกมาจะได้รับการตรวจสอบเมื่ออายุ 1, 5 และ 8 ปี ซึ่งผลปรากฏว่าเด็กที่คุณแม่กินอัลมอนด์ระหว่างตั้งครรภ์มีคะแนนการทดสอบไอคิวสูงกว่าคุณแม่ที่ไม่ได้กินอัลมอนด์ในช่วงกำลังตั้งครรภ์

โบนัส: อัลมอนด์ดิบ แช่ หรือ คั่ว?

ตามการแพทย์อายุรเวท อัลมอนด์ทั้งดิบและคั่วมีสารอาหารเหมือนกันจึงมีประโยชน์เหมือนกัน ในทางกลับกันการแช่อัลมอนด์ค้างคืนและปอกเปลือกออกสามารถช่วยลดระดับแทนนินได้

จากแหล่งข้อมูลระบุว่าหากกินเข้าไปในปริมาณมาก แทนนินอาจขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร แต่การวิจัยล่าสุดไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนข้อมูลนี้

อ้างอิงที่มาและรูปภาพ : Brightside