Saturday, 23 November 2024

ยิปโซฟิล่า (Gypsophila) ไม้ดอกขนาดเล็กที่มีกลิ่นหอม

วันนี้อยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ยิปโซฟิล่า (Gypsophila) ไม้ดอกขนาดเล็กที่มีกลิ่นหอม ว่ากันว่า ดอกยิปโซ หรือ ยิปโซฟิลา นั้นมีความหมายลึกซึ้งมากๆ เพราะดอกไม้ดอกนี้เป็นดอกไม้แห่งรักแรกพบ สมมติถ้าเราเจอเราสักคนที่รู้สึกถูกใจหรือเรารู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ  เราก็สามารถมอบดอกไม้ดอกนี้ให้กับคนๆนั้นได้ เพื่อแสดงถึงความจริงใจที่เรามีต่ออีกฝ่าย

รู้จักกับดอกยิปโซ หรือ ยิปโซฟิล่า

ยิปโซฟิลา (Gypsophila) ไม้ดอกขนาดเล็กที่มีกลิ่นหอม

ยิปโซฟิลา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า Gypsophila paniculata L.

เป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์ Caryophyllaceae

ปกติแล้วดอกไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชีย ยุโรปตอนกลางและตะวันออก และแอฟริกาเหนือ

ลักษณะทั่วไปของยิปโซฟิล่า

เป็นไม้ดอกที่มีอายุหลายปี มีขนาดพุ่มสูงถึง 0.80 – 1.20 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ทรงของลำต้นมีรูปร่างเป็นพุ่มโปร่ง ลำต้นและกิ่งก้านมีขนาดเล็ก มีนวลเกาะอยู่ทั่วผิว รูปร่างของใบคล้ายกับรูปหอกถึงรูปแถบ มีปลายใบแหลม ใบมีสีเขียวอมเทา ออกดอกเป็นช่อโปร่งและมีดอกย่อยจำนวนมาก มีทั้งดอกแบบชั้นเดียวและดอกซ้อนกันหลายชั้น รูปดอกมีลัษณะกลมฟู ขนาดประมาณ 0.5-0.8 เซนติเมตร กลีบดอกมีสีขาวและสีชมพู ออกดอกพร้อมๆกันทั้งช่อ

แต่ที่นิยมปลูกกันจะเป็นชนิดที่มีเป็นดอกซ้อนสีขาวมากกว่าสีชมพู ยิปโซฟิลาเป็นพืชที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วเมื่อเทียบกับต้นไม้ชนิดอื่น ชอบดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี สู้แสงแดดได้ตลอดวัน สามารถปลูกเป็รไม้กระถางแขวนได้ แต่ถ้าปลูกบนพื้นดินจะออกดอกงามกว่า และที่สำคัญ ดอกยิปโซนั้นไม่สามารถนำมาทำดอกไม้แห้งได้

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมียิปโซฟิลาอีก 2 ชนิดที่เป็นไม้ล้มลุกอายุสั้นที่นิยมปลูกกันเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น Angle’s Breath (G. elegans M. Bieb) ที่นิยมใช้นำมาปลูกไว้ประดับแปลง และ ยิปโซเจ้าสาว (G. repens L.) ซึ่งนิยมปลูกไว้เป็นไม้กระถางทั้งแบบตั้งและแบบแขวน ซึ่งชนิดหลังนี้เราจะสามารถพบเห็นคนปลูกได้ทั่วไป

ความหมายของดอกยิปโซฟิล่า

ชื่อสกุล Gypsophila มาจากภาษากรีก คำว่า Gypsos แปลว่า ยิปซัม (แคลเซียมฟอสเฟต) และ Philos แปลว่า ชอบ เนื่องมาจากชอบดินที่มีสภาพเป็นด่างเล็กน้อยจนได้ชื่อว่า Chalk Plant

ดอกไม้ชนิดนี้นั้นมีความหมายลึกซึ้งอย่างมาก ซึ่งเกี่ยวกับความรัก เป็นดอกไม้ที่ผู้คนนิยมนำไปให้กับคนที่เป็นรักแรกพบ ดอกไม้ช่อเล็กๆนี้ให้ความหมายถึง ความบริสุทธิ์ รักแรกพบ และความจริงใจ แสดงถึงความโรแมนติก และเพราะเป็นดอกไม้ที่มีความหมายดีมากๆ ผู้คนจึงมักจะนำดอกไม้ชนิดนี้ไปตกแต่งอยู่ในงานสำคัญต่างๆอย่างเช่น งานแต่งงาน เพื่อแสดงถึงความรักแสนบริสุทธิ์ของคู่บ่าวสาว

การขยายพันธุ์ยิปโซฟิล่า

ปกติมักจะขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง (เมล็ดของดอกยิปโซปกติและจะมีขนาดใหญ่ ประมาณ 850-1,000 เมล็ด/กรัม) การเพาะเมล็ดจะทำโดยการกลบเมล็ดบางๆลงไปในดิน ทำการหยอดเมล็ดพันธุ์ 1 เมล็ดต่อ 1 หลุม นำวัสดุปลูกเข้าไปไว้ในสถานที่พรางแสง 50-60% รักษาความชื้นอย่าให้วัสดุปลูกแห้งและแฉะจนเกินไป เพราะอาจทำให้เมล็ดไม่งอกและเน่าได้

เมล็ดพันธุ์จะงอกภายในเวลา 21-28 วัน และใช้เวลาในการเพาะจนถึงการออกดอก ประมาณ 70-90 วัน แต่อย่าลืมว่าการปลูกดอกยิปโซนั้นควรใช้ดินที่มีความร่วนซุย ดินโปร่งที่มีอินทรียวัตถุสูง สามารถระบายน้ำได้ดี อุ้มความชื้นได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย มีค่า pH ประมาณ 6-7 ในระหว่างการเติบโตเป็นต้นกล้าควรรักษาความชื้นโดยการพ่นน้ำอยู่เสมอ

การรดน้ำเมื่อต้นกล้าเริ่มแข็งแรงแล้ว ไม่ควรรดน้ำให้โดนใบหรือดอก เพราะจะทำให้เกิดโรคตามมาได้ง่าย ควรรดแค่บริเวณที่เป็นวัสดุปลูก หรือ ให้น้ำผ่านทางถาดรองกระถาง หรือถ้าหากมีการผิดพลาดหรือหลีกเลี่ยงการรดแบบนี้ไม่ได้ ก็ต้องทำให้ใบแห้งเร็วที่สุด

สภาพพื้นที่ในการปลูกดอกยิปโซต้นที่โตเต็มที่ ควรมีแสงแดดเต็มวัน พื้นที่ปลูกควรมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 800 เมตร แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีลมแรง ถ้าอากาศร้อน ต้นจะสูงเก้งก้าง ดอกมีขนาดเล็ก อายุการบานจะสั้น ควรปลูกในโรงเรือน เพื่อให้ดอกบานได้นานขึ้น ช่วงของการออกดอกจะต้องการแสงถึงวันละ 14 ชั่วโมง ดินปลูกต้องระบายน้ำได้ดี มีความเป็นด่างเล็กน้อย อาจจะเพิ่มเติมปูนขาวให้เขาสักเล็กน้อยก็ได้

การดูแลต้นที่โตเต็มที่นั้น ควรเด็ดยอดให้บ้าง เพื่อให้แตกกิ่งแตกแขนง มันจะช่วยให้ต้นออกดอกได้ดกขึ้น ควรมีตาข่ายเชือก ทำเป็นชั้นๆ เพื่อช่วยพยุงทรงพุ่มไม่ให้ล้มหรือเอียง

ประโยชน์จากการปลูกยิปโซฟิล่า

  1. ใช้เป็นดอกไม้ประดับในงานแต่งงาน เพราะเป็นดอกไม้ที่มีความหมายดีเกี่ยวกับความรักอันแสนบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ทำเครื่องประดับให้กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ เช่น การทำมงกุฎดอกไม้สวมหรือปักบนผมของเจ้าสาว หรือจะเป็นดอกไม้ประดับติดหน้าอกก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้แล้ว สำหรับบางคนอาจจะนำมาจัดเป็นช่อดอกไม้ให้กับเจ้าสาว เพื่อแซมไปกับดอกกุหลาบในช่อ (ส่วนใหญ่จะใช้ดอกยิปโซสีขาว)
  2. สำหรับดอกที่เริ่มแห้ง จะนำมาใช้ปักแจกันแซมกับช่อดอกไม้สด อย่างเช่น ดอกกุหลาบ ดอกคาร์เนชั่น เพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่น
  3. ใช้ประดับในถาดอาหาร การสร้างความประทับใจในการเสิร์ฟอาหารมื้อแรกได้
  4. นำมาใช้ในการทำแบล็กดรอปถ่ายรูปได้ หรือจะประดับบนกรอบงานศิลปะก็ได้เช่นกัน

อ้างอิง : homeandgardens

Exit mobile version