การเคี้ยวหมากฝรั่งถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปของทุกคน และแม้แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาผู้คนได้เคี้ยวทุกอย่างตั้งแต่เรซิน และขี้ผึ้งพาราฟิน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง
ตัวอย่างเช่นเมื่อ 5,000 ปีก่อนผู้คนเคยเคี้ยวเปลือกไม้เบิร์ชทาร์ ซึ่งทาร์มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและออกฤทธิ์ทางยาอื่นๆ เช่นเดียวกับหมากฝรั่งในสมัยใหม่ เห็นได้ชัดว่าผู้คนต่างก็มีความใส่ใจในเรื่องของการเพิ่มลมหายใจที่สดชื่น เพื่อช่วยดับกลิ่นปากที่อาจเกิดขึ้น
วันนี้พวกเราจึงอยากแบ่งปันความเป็นจริงเกี่ยวกับผลลัพธ์จากการเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีผลต่อร่างกายของเรา เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจประโยชน์และข้อเสียที่จะได้รับจากมันมากขึ้น
1.มีผลต่อฟันของคุณ
ข้อดี :
หมากฝรั่งปราศจากน้ำตาลจะเป็นตัวฆ่าแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพมากๆ ทั้งยังช่วยปกป้องฟันของคุณจากการผุและเหงือกอักเสบได้ โดยการกระตุ้นให้เกิดน้ำลายส่วนเกินซึ่งจะชะล้างกรดและอาหารที่เหลือออกไป นอกจากนี้ยังเสริมสร้างสารเคลือบฟันด้วยการใช้แคลเซียมและฟอสเฟตเพิ่มเติม
ข้อเสีย :
แต่ถ้าหมากฝรั่งของคุณมีน้ำตาลละก็มันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันของคุณ แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากขจะย่อยน้ำตาลก่อนที่จะถึงท้อง ส่งผลให้เกิดคราบจุลินทรีย์ที่ฟันของคุณ นอกจากนี้ยังทำให้คุณมีอาการฟันผุได้เมื่อเวลาผ่านไป
2.ช่วยเพิ่มความจำ
การเคี้ยวหมากฝรั่งจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของเลือด และการส่งออกซิเจนไปยังสมอง ผลดีอย่างหนึ่งของมันคือ ช่วยเพิ่มพลังในการเรียนรู้หรือทำความเข้าใจ : ช่วยเพิ่มความตื่นตัว การประมวลผล ความคิด การตัดสินใจและความจำ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลในระยะยาว – มันจะใช้ได้เฉพาะเมื่อคุณเคี้ยวก่อนหรือระหว่างการทำงานที่ท้าทายเป็นพิเศษ
3.ช่วยในการลดน้ำหนัก
ข้อดี :
บางครั้งการเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถระงับความอยากอาหารของเราได้ หลังจากเคี้ยวหมากฝรั่งในตอนเช้า เรามักจะรู้สึกหิวน้อยลง เพราะมันมีทั้งความหวานและแคลอรี่ต่ำ ดังนั้นมันจึงอาจช่วยลดความอยากในการทานของว่างของเราลงได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มการใช้พลังงาน การกระตุ้นการเผาผลาญของคุณ และทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยน้อยลงหลังจากรับประทานอาหาร
ข้อเสีย :
การเคี้ยวจะทำให้มีน้ำลายออกมาอย่างต่อเนื่อง มันจะทำให้สมองของคุณคิดว่าคุณกำลังหิวอยู่จริงๆ และถ้าหากว่ามันเป็นหมากฝรั่งรสมิ้นท์ละก็ มันจะทำให้คุณอยากที่จะรับประทานอาหารขยะแทนที่จะเป็นอาหารที่เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่นผลไม้ได้ เพราะมันจะทำให้รสชาติของผลไม้แย่ลงมาก คนเคี้ยวหมากฝรั่งมักจะกินอาหารได้น้อยลงต่อวันก็จริง แต่พวกเขาจะรับแคลอรี่มากขึ้นแทน
4.ทำให้ขากรรไกรมีปัญหา
การเคี้ยวอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ความผิดปกติที่ส่งผลต่อข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อรอบๆได้ การเคลื่อนไหวของขากรรไกร ไม่ว่าจะเป็นการกิน การหัวเราะ หรือแม้แต่การพูดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มันสามารถสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงกับเราได้ ซึ่งบางครั้งก็ลามไปที่คอและไหล่ ความเสี่ยงจะสูงเป็นพิเศษหากคุณเคี้ยวหมากฝรั่งในช่วงเวลาแห่งความเครียด เนื่องจากคนเรามักจะกัดฟันโดยไม่รู้ตัว เมื่อเกิดความรู้สึกประหม่า
5.มีผลต่อระบบย่อยอาหาร
ข้อดี :
เวลาที่เราเคี้ยวหมากฝรั่ง ร่างกายของเราจะเกิดการผลิตน้ำลายมากขึ้น ซึ่งมันจะช่วยต่อต้านอาการแพ้ท้องและอาการเมารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางคนบอกว่าได้ผลดีกว่าการใช้ยาลดอาเจียนซะอีก ทั้งยังลดอาการไม่สบายท้องและคลื่นไส้ได้เร็ว และมันก็มีราคาที่ถูกกว่ามากและหาซื้อได้ง่ายกว่าด้วย
ข้อเสีย :
แต่ถ้าคุณมีอาการแพ้ง่ายหรืออาหารไม่ย่อย เมื่อคุณเคี้ยวหมากฝรั่ง คุณมักจะกลืนอากาศเข้าไปด้วยซึ่งมันอาจทำให้ท้องอืดได้ และตัวน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่มักจะนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานให้กับหมากฝรั่ง มันจะทำหน้าที่เป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้เกิดตะคริว ปวดท้องและท้องร่วงได้
6.ช่วยลดอาการเสียดท้อง
การเคี้ยวหมากฝรั่งตามหลังมื้ออาหารสามารถลดระดับกรดในหลอดอาหารได้ ช่วยป้องกันปัญหาที่เกิดจากอาการกรดไหลย้อนและอาการเสียดท้อง เพราะการไหลของน้ำลายจะเจือจางและทำให้กรดเป็นกลาง
7.อาจส่งผลกระทบต่อสมองของคุณ
ข้อดี :
สิ่งที่น่าแปลกใจคือ การเคี้ยวหมากฝรั่งมีฤทธิ์ต้านความเครียดและทำให้อารมณ์ดีขึ้น สิ่งนี้จะช่วยลดระดับคอร์ติซอลฮอร์โมนแห่งความเครียดลง ช่วยผ่อนคลาย ขจัดความกังวลและความเหนื่อยล้า และทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นตลอดทั้งวัน
ข้อเสีย :
แต่แรงกดอย่างต่อเนื่องบนขากรรไกรของเราจะเพิ่มจำนวนและความถี่ของการเกิดไมเกรน และอาการปวดหัวจากความตึงเครียด ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอาจนำไปสู่อาการปวดหัวเรื้อรัง ดังนั้นหากคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนอยู่แล้ว คุณควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งซะ!
8.ป้องกันการติดเชื้อในหู
การติดเชื้อในหูจะเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียรวมตัวกันในท่อที่เชื่อมระหว่างจมูกและหู ซึ่งมันมักจะส่งผลกระทบต่อเด็กๆเป็นส่วนใหญ่ การเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีสารไซลิทอลสารให้ความหวานตามธรรมชาติจะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียตกตะกอนและเกิดการติดเชื้อขึ้นในหูของเราได้
อ้างอิง : Bright Side
