ทำไมเราใจดีกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนที่เรารัก – พฤติกรรมของเราเปลี่ยนแปลงไปตามผู้คนที่แตกต่างกันและเราอาจไม่ได้ตระหนักถึงมันเสมอไป มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่อธิบายกลไกที่ซ่อนอยู่ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันจะถูกเรียกว่า “การควบคุม” สิ่งที่เราทำและพูด
หลังจากการวิจัยเกี่ยวกับความก้าวร้าวมานานกว่า 3 ทศวรรษ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา เดบอราห์ เซาธ์ ริชาร์ดสัน สามารถค้นพบว่าเหตุใดพฤติกรรมของเราจึงแตกต่างกันไป ซึ่งมันจะขึ้นอยู่กับผู้คนรอบตัวและสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของเรา
ลองมาดูกันว่า เหตุใดเราจึงทำตัวแตกต่างจากคนแปลกหน้าเมื่อเทียบกับคนที่เรารักและเราจะป้องกันสิ่งนี้ได้อย่างไรในอนาคต?
เราคิดว่าความสัมพันธ์ของเราแข็งแกร่งพอที่จะอดทนกับมันได้
เราใช้เวลาส่วนใหญ่กับผู้คน คนรู้จัก หรือคนแปลกหน้าแบบสุ่ม ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือที่โรงเรียน เรามักจะต้องแสดงสีหน้ามีความสุขต่อหน้าผู้อื่น และเป็นพฤติกรรมทางการเมืองของเราเพียงเพราะเราต้องการปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่น แต่เมื่อเรากลับบ้านหรือเมื่อเราอยู่ใน เซฟโซน ของคนที่เราสนิท เราจะคลายความกังวลทันที
เรารู้สึกสบายใจมากขึ้นที่ได้เป็นตัวของตัวเองกับคนที่เรารัก แต่การเป็นตัวของตัวเอง หมายถึง การแสดงทุกด้านของตัวละครของเรารวมถึงด้านที่ไม่ดี และจากการวิจัย ยืนยันว่า เรามีแนวโน้มที่จะปลดปล่อยความโกรธของเราต่อคนที่เรารู้สึกใกล้ชิดที่สุดโดยไม่รู้ตัว เพราะเราเชื่อว่าความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะอดทนได้ ยิ่งเราใกล้ชิดกับใครสักคนและให้ความไว้วางใจมากขึ้น เราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราสามารถก้าวข้ามขีด จำกัด ของความสัมพันธ์นั้นไปได้
เรารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยที่จะเป็นตัวของตัวเองกับผู้คนใหม่ ๆ
เมื่อเราพบเจอผู้คนใหม่ ๆ เราจะไม่แสดงถึงความต้องการที่แท้จริงของเรา พวกเขาไม่ได้เห็นตัวจริงของเราจนกว่าจะถึงจุดที่เราพัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพวกเขา แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างจะรบกวนเราเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา แต่เราจะไม่ทำให้เรื่องใหญ่โตขึ้นเพราะเราไม่ได้ผ่อนคลายกับคนๆนั้น และเราไม่รู้ว่าพวกเขาจะตอบสนองอย่างไร?
สิ่งเดียวกันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด ในทางตรงกันข้ามเมื่อคนที่เรารักทำอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกว่าน่ารำคาญ เรารู้สึกสบายใจที่จะบอกสิ่งที่คิดให้เขารับรู้ได้โดยไม่ต้องเก็บไวในใจ เนื่องจากเราอยู่ใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัวหรือคนอื่น ๆ ที่สำคัญเราจึงมีแนวโน้มที่จะเปิดกว้างเกี่ยวกับสิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับพวกเขา กับพวกเขาเราได้พัฒนาความสัมพันธ์แบบที่เรารู้ว่าจะไม่ตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าเราจะตะโกนใส่กันและต่อสู้กันในบางครั้งก็ตาม
เราไม่ยอมอดทนกับอารมณ์เชิงลบของคนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด
จู่ๆคุณจะเริ่มไม่เกลียดลักษณะหรืออะไรบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้อง สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทของคุณ แม้ว่าจะรู้สึกเช่นนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ คุณเลิกอดทนกับสิ่งที่คุณไม่ชอบตั้งแต่แรก ยิ่งคุณใช้เวลากับใครสักคนมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งมีความอดทนน้อยลงที่จะกลายเป็นคนนิสัยไม่ดีของพวกเขา
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนแปลกหน้า เพราะคุณไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพวกเขามากพอที่จะพัฒนาความไม่อดทนต่อลักษณะส่วนบุคคลของพวกเขา แม้ว่าจะมีบางอย่างรบกวนคุณเกี่ยวกับพวกเขา แต่คุณก็จะไม่พูดมันออกมา เพราะคุณรู้ว่าคุณไม่จะเป็นที่จะต้องใช้เวลากับพวกเขามากพอเพื่อให้เรื่องนั้นสำคัญ
มีวิธีที่เราสามารถป้องกันพฤติกรรมแบบนี้ได้อย่างไรบ้าง?
อย่างที่คุณเห็น มันมีเหตุผลที่เราปฏิบัติต่อคนที่เรารักด้วยความเมตตาหรือเห็นอกเห็นใจน้อยกว่าคนแปลกหน้า ตอนนี้เรารู้แล้วว่าทำไมเราถึงปฏิบัติตัวแบบที่เราทำกับคนที่เรารักเมื่อเทียบกับคนแปลกหน้า มาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันพฤติกรรมแบบนี้ในอนาคต:
- หยุดพัก หรือ เว้นระยะห่างจากคนที่คุณรักบ้างเมื่อจำเป็น – หากเราใช้เวลากับคนที่เรารักมากเกินไป เราอาจพบว่าตนเองไม่ค่อยอดทนต่อความนิสัยใจคอของพวกเขา การใช้เวลาห่างจากสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้ไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ด้วยมุมมองใหม่ ๆ และชื่นชมสิ่งดีๆในตัวคนที่เรารักมากขึ้น
- ใช้เวลากับคนที่คุณรักใน เซฟโซน ของผู้อื่น – เมื่อเราอยู่ในกลุ่มคนที่เรามีความสัมพันธ์สั้น ๆ และผิวเผิน เราจะพบว่าตัวเองมีพฤติกรรมที่สุภาพและเห็นอกเห็นใจมากขึ้น และสิ่งนี้ก็ใช้ได้กับคนที่เรารักเช่นกัน ด้วยวิธีนี้เราทั้งสองจะสังเกตกันได้เมื่อเรามีพฤติกรรมที่ดีที่สุดต่อกันต่อหน้าคนที่ไม่สนิท
ด้วยการเรียนรู้ว่าเหตุใดเราจึงประพฤติตัวในแบบที่เราควรจะทำนี้ – หวังว่าเราจะสามารถควบคุมปฏิกิริยาของเราได้ในครั้งต่อไปที่เราต้องการใช้ชีวิตกับคนที่เรารักและชื่นชมกับการมีอยู่ของพวกเขาในชีวิตของเรา
คุณเคยปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าดีกว่าคนที่คุณรักหรือไม่?
คุณรู้จักกลยุทธ์อื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้ผู้คนป้องกันพฤติกรรมประเภทนี้ได้หรือไม่?
บอกเราว่าคุณคิดอย่างไรในความคิดเห็นด้านล่าง
อ้างอิง : brightside.me