เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เหมือนกันนะ ที่สมองของเราบ่อยครั้งอาจเป็นสาเหตุของความผิดพลาดบางอย่างที่เราทำในแต่ละวัน ปรากฎว่าสมองของเราพยายามทำนายว่าโลกทำงานอย่างไร ปัญหาเริ่มต้นเมื่อแบบจำลองภายในของโลกที่สมองสร้างขึ้นดันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ในบทความนี้คุณจะเห็นรายการข้อผิดพลาดและอคติที่โดดเด่นบางอย่างที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทันทีที่คุณตระหนักถึงการความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
แอดจึงขอนำบทความจาก Bright Side มาแปลให้อ่านกันซึ่งทางเว็บไซต์เขาได้รวบรวมข้อสังเกตทางจิตวิทยาที่น่าประหลาดใจซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว ลองดูรายละเอียดนี้เพื่อค้นหาวิธีการใช้สมองให้ได้ประโยชน์สูงสุด!
1.ความขัดแย้งในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
น่าแปลกที่คนเราต้องการมีตัวเลือกน้อยลงเพื่อรับทางเลือกเพิ่มเติม เมื่อมีตัวเลือกมากมายให้เลือก ความสามารถในการตัดสินใจจะเป็นอัมพาต ปรากฏการณ์นี้ได้รับการพิสูจน์จากการทดลอง“ แยม” เมื่อมีขวดแยมจำนวนมากวางเรียงรายกันอยู่ ลูกค้าเพียง 3% เท่านั้นที่ซื้อ เมื่อจำนวนตัวเลือกมีจำกัด จะมีซื้อเพิ่มขึ้นถึงลูกค้า 30%
เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ลูกค้าไม่ควรกลัวที่จะตัดสินใจเลือกในขณะที่ผู้ขายควรมองหาที่ตรงกลางเพื่อที่ว่าผู้คนจะไม่เป็นสับสนกับการตัดสินใจที่จะซื้อเพราะพบว่ามีตัวเลือกอีกตั้งมากมาย.
2.การยืนยันความเป็นจริงจากความอคติ
ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่ามีบางสิ่งที่เป็นจริงถ้ามันยืนยันสมมติฐานของตนเองได้ ความอคตินี้เป็นอันตรายอย่างมากเพราะมันป้องกันเราจากการประเมินเหตุการณ์อย่างเป็นกลางและจากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อมีหลักฐานยืนยันสิ่งที่เราเชื่อจนถึงตอนนี้ ปรากฏการณ์นี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดียซึ่งข้อมูลถูกกรองตามความต้องการของเรา : เราเลือกที่จะเห็นเฉพาะข้อมูลที่เราเห็นด้วย.
3.การมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์
ตามหลักของนักจิตวิทยามันเป็นส่วนที่น่าจดจำที่สุดของประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราเกี่ยวกับวัตถุในคำถามที่รับผิดชอบในการตัดสินใจของเรา ข้อมูลอื่น ๆ จะถูกละเว้น ซึ่งความคิดนี้เรียกว่า“ เอฟเฟกต์ของการโฟกัส”
การศึกษาในปี 1998 แสดงให้เห็นว่าผลกระทบนี้มีอิทธิพลต่อวิธีการที่เรารับรู้สิ่งต่าง ๆ : ผู้เข้าร่วมในการศึกษานั้นเชื่อว่าคนที่มาจากแคลิฟอร์เนียจะมีความสุขมากกว่าชาวตะวันตกกลางโดยอาศัยข้อมูลที่แคลิฟอร์เนีย
4.เชื่ออย่างไรก็ได้อย่างนั้น
Pygmalion effect หรือ Rosenthal และ Jacobsen เกิดขึ้นในปี 1968 มันเกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงระหว่างความคาดหวังของผู้อื่นและประสิทธิภาพของเรา นักเรียนมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อครูมีความคาดหวังสูงและสร้างสถานการณ์จากพฤติกรรมเชิงบวกที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น หากคุณต้องการให้นักเรียนหรือพนักงานของคุณประสบความสำเร็จอย่าคาดการณ์ว่าเขาจะต้องเจอกับความล้มเหลว!
5.การคิดแบบกลุ่มหรือแบบคล้อยตาม
ปรากฏการณ์คิดแบบกลุ่ม อธิบายว่าทำไมการตัดสินใจที่ไม่ดีเกิดขึ้นแม้ว่าจะมีคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีการศึกษาอยู่ในกลุ่ม: ผู้คนมักจะระงับความคิดเห็นของพวกเขามากกว่าความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง น่าสนใจ ที่คำนี้เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในบริบทของการตัดสินใจทางการเมืองที่นำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง ความคิดกลุ่มสามารถหลีกเลี่ยงได้เฉพาะเมื่อหัวหน้ากลุ่มใช้มาตรการที่เหมาะสมในการจัดการ เช่นการแต่งตั้งผู้ประเมินที่สำคัญหรือมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกกลุ่มในระหว่างการสนทนาที่สำคัญ
6.ภาพลวงตาของนักว่ายน้ำ
ภาพลวงตาของนักว่ายน้ำเป็นผลมาจากปัจจัยการเลือกที่สับสนกับผลของการฝึกฝนอย่างหนักหรือทั่วโลกทำให้เกิดความสับสนและสาเหตุ ไม่มีใครสามารถมีร่างกายเหมือนกับพวกนักว่ายน้ำเพียงแค่ฝึกซ้อมอย่างหนัก – นักว่ายน้ำมักจะคิดว่าตัวเองได้รับพรสวรรค์จากธรรมชาติด้วยร่างกายของพวกเขาและพวกเขาต้องให้การสนับสนุนด้วยการฝึกอบรมที่มากกว่านี้ กฎเดียวกันนี้สามารถนำไปใช้กับสถานการณ์อื่น ๆ : มหาวิทยาลัยที่มีผลการเรียนดีมีการศึกษาที่ดีที่สุดหรือพวกเขาลงทุนเวลาของพวกเขาในการเลือกนักเรียนที่ดีที่สุดมาศึกษาที่นั่นหรือไม่?
7.ปรากฏการณ์แพริโดเลีย : การเห็นรูปแบบในสิ่งต่าง ๆ
ทำไมเราเห็นใบหน้าบนดวงจันทร์หรือรูปร่างร่างกายมนุษย์เป็นสีส้มเมื่อมองไม่เห็นชัดเจน ภาพลวงตาของการรับรู้รูปแบบที่คุ้นเคยนี้เกิดขึ้นในสมอง กลีบขมับของสมองที่รับผิดชอบการจดจำใบหน้า วิวัฒนาการผลลัพธ์ปลอมดังกล่าว แต่ไม่อันตรายเท่าความล้มเหลวในการจดจำ และยังคงเป็น “ผลข้างเคียง” ของความสามารถของเราในการรับรู้วัตถุ
8.ภาพลวงตาความถี่
ภาพลวงตาความถี่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่แปลกประหลาด: เมื่อเราเรียนรู้ข้อมูลใหม่หรือดูวัตถุเฉพาะในทีวีเราจะเริ่มสังเกตเห็นได้ทุกที่ ภาพลวงตาความถี่เชื่อมต่อกับความสามารถของเราในการเลือกสรร คุณจะไม่มีทางเห็นสิ่งนั้น แต่หลังจากคุณเรียนรู้เกี่ยวกับมัน – คุณจะได้พบว่าจริง ๆ แล้วมันอยู่ที่นั่นตลอดเวลาและคุณล้มเหลวที่จะสังเกตเห็นเอง
9.ทฤษฏีการปรับสภาพ
การปรับสภาพของผู้ปฏิบัติงานเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยใช้การเสริมแรงด้านบวกและด้านลบ เนื่องจากเงื่อนไขการทำงานเรารู้ว่าการกระทำบางอย่างนำไปสู่ผลกระทบบางอย่าง กลายเป็นเงื่อนไขว่าทุกครั้งที่เรากดปุ่มบนรีโมทคอนโทรลหรือลิฟต์จะเกิดอะไรขึ้น
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าลิฟต์พังหรือแบตเตอรี่ในรีโมทคอนโทรลเสีย? ในกรณีเช่นนี้การเชื่อมต่อใช้งานไม่ได้ เมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวการตอบสนองเริ่มต้นของเราคือการกดปุ่มหลาย ๆ ครั้งจนกว่าจะถึงผลลัพธ์ที่คุ้นเคย
10.ความอคติจากการสูญเสีย
ความเกลียดชังจากการสูญเสียคือสิ่งที่ทำให้คุณไม่สามารถลองสิ่งใหม่ ๆ หรือย้ายจากอพาร์ทเมนท์เก่าที่ยังคุ้นเคย สำหรับคนส่วนใหญ่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบางสิ่งนั้นใหญ่กว่าความพึงพอใจที่พวกเขาได้รับจากการได้รับผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ความเกลียดชังต่อการสูญเสียยังสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดการคุกคามของการลงโทษจึงเป็นแรงจูงใจมากกว่ารางวัลที่เป็นไปได้
11.ความอคติในการรับใช้ตนเอง
คนส่วนใหญ่มักจะเชื่อคุณลักษณะความล้มเหลวของพวกเขากับสถานการณ์ภายนอกและความสำเร็จของพวกเขากับตัวของพวกเขาเอง สำหรับผู้ที่มีความนับถือตนเองต่ำสไตล์การคิดวิเคราะห์อาจพลิก พฤติกรรมทั้งสองประเภทเป็นที่รู้จักกันดีในด้านจิตวิทยาและมีประสิทธิภาพในการต่อต้าน เพื่อหลีกเลี่ยงอคติที่ให้ตัวเองดูดีไว้ก่อน ผู้คนควรตระหนักถึงมันเพื่อแก้ไขพฤติกรรมของพวกเขาและมีเมตตาต่อตัวเองในช่วงเวลาแห่งความล้มเหลว (เพิ่มเติม ! ประมาณว่าดูแต่ข้อดีของตัวเอง จนมองไม่เห็นข้อเสียของตัวเอง เช่น การได้เกรดดีในการสอบ แต่อ้างการสอนของคุณครูหรือคำถามที่ไม่ยุติธรรมว่า เป็นเหตุของการได้เกรดไม่ดี )
12.จิตวิทยาสี
สีดำเป็นสีที่นิยมมากที่สุดสำหรับโทรศัพท์และจะตามติดมาด้วยสีขาว แต่ผลปรากฎว่าการเลือกสีของเราพูดถึงบุคลิกภาพของเรามาก ตามที่นักจิตวิทยาเราเลือกสีแบบไม่รู้ตัวประมาณ 80% ยิ่งไปกว่านั้นคนอื่น ๆ ให้ความสนใจกับการเลือกสีของเรา หากคุณต้องการโดดเด่นจากฝูงชนอย่าเลือกโทรศัพท์สีขาวหรือโทรศัพท์สีดำเนื่องจากโทรศัพท์สีดำจะบอกลักษณะของคุณเหมือนกับคนประเภทลื่นไหลไปเรื่อยและหากเป็นสีขาวคือคุณเกรงกลัวการที่จะต้องได้รับความเสี่ยง.
ข้อมูลและรูปภาพจาก Bright Side