พวกเราทุกคนต่างคุ้นเคยกับการรับพังความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศที่มีพื้นฐานมาจากภาพยนตร์ ข่าว และเรื่องราวบอกเล่าต่อๆกันมาของคนอื่นๆ แต่เรามักจะไม่ใส่ใจกับความเป็นจริงที่ว่า มันอาจเป็นเพียงความเชื่อผิดๆ หรือแค่ภาพยนตร์ที่เป็นแค่เรื่องเล่า ข่าวก็มีความเอนเอียง และการเดินทางหนึ่งสัปดาห์ของเพื่อนคุณอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความคิดเห็นที่มีจุดสนใจต่างๆเกี่ยวกับการเดินทางไปประเทศต่างๆ ที่เขาพบเจอ
นี่คือสาเหตุจากหลายๆสิ่งที่เราคิดว่าเราต่างรู้จักเกี่ยวกับประเทศอื่นๆเป็นอย่างดีแล้ว แต่นั้นเป็นเท็จหรือเกินจริงกันละ แล้วสิ่งไหนละที่เป็นเรื่องจริง?
มาดูกันว่ามีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับที่ไหนบ้าง?
ความเชื่อที่ 12.เขาว่ากันว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด
ถึงแม้จะมีคนส่วนใหญ่ในโลกที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน แต่มันก็ไม่ใช่ประเทศที่มีประชากรที่หนาแน่นที่สุด ยกตัวอย่างสำหรับ, ประเทศเยอรมนี และอิตาลี ที่ยังมีประชากรหนาแน่นมากกว่า
สิ่งนี้นอกเหนือจากประชากรจำนวนมากแล้ว สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังมีอาณาเขตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ประมาณ 2/3 ของดินแดนเหล่านี้ นั้นเป็นภูเขาและทะเลทราย
ความเชื่อที่ 11. ซูโม่เป็นกีฬายอดนิยมที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
ในปีที่ผ่านมากีฬาแบบดั้งเดิมนี้ได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นอีกครั้ง แต่กีฬาซูโม่เป็นเรื่องธรรมดามาก และแทบจะน้อยกว่าเบสบอลด้วยซ้ำ ครึ่งหนึ่งของผู้คนในประเทศ นิยมเล่นกีฬาเบสบอลมากที่สุด
ความเชื่อที่ 10. คนอินเดียนับถือศาสนาพุทธ
มากกว่า 80% ของผู้นับถือศาสนา ในอินเดียนับถือศาสนาฮินดู ศาสนาที่พบบ่อยที่สุดที่สองคือศาสนาอิสลาม และในจำนวนน้อยกว่า 1% ของคนที่นี่ นับถือศาสนาพุทธ และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือซึ่งอยู่ใกล้กับทิเบต
ความเชื่อที่ 9. คนอิตาลีสามารถกินอาหารได้เยอะและไม่อ้วน
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปัญหาการเผาไหม้แครอลี่ในร่างกายได้มากที่สุดจะเป็นของคนในประเทศอิตาลี แต่ก็ไม่เป็นความจริงที่ชาวอิตาเลียนทุกคนกินพาสต้าขนาดใหญ่และดื่มไวน์หนึ่งขวดต่อวันและยังคงผอมอยู่ !
จากสถิติพบว่าชาวอิตาเลียนทุกๆ 5 คน ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคอ้วน และโรคอ้วนในวัยเด็ก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในแถบ Apennines เมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของยุโรป
ความเชื่อที่ 8. สหราชอาณาจักรเป็นดินแดนแห่งฤดูฝน
บริเตนใหญ่ไม่ได้เป็นสถานที่ที่วิเศษนัก แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่มีฝนตกเกินจริง แม้ว่าในบางพื้นที่อากาศจะค่อนข้างชื้นในลอนดอน แต่ปริมาณน้ำฝนต่อปีนั้นน้อยกว่าในมอสโกซะอีกนะ
ความเชื่อที่ 7. พลเมืองทุกคนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีความร่ำรวย
ตามกฎแล้วคนพื้นเมืองมักจะร่ำรวย แต่ประมาณ 85% ของคนนั้นเป็นผู้อพยพ แม้แต่ชาวอาหรับราว 2 ใน 3 ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ก็มาจากประเทศเพื่อนบ้าน
แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและผู้จัดการระดับสูงสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่คนงานปกสีน้ำเงินและขาวธรรมดาๆ จะอาศัยอยู่ในสภาพที่ยากจนเช่นกัน แม้ในประเทศที่มีราคาแพงมากขนาดระดับ UAE
ความเชื่อที่ 6. ริโอ เดอ จาเนโร เป็นเมืองหลวงของบราซิล
ริโอ เดอ จาเนโร เป็นเมืองหลวงมาเกือบ 200 ปีแล้ว แต่ในปี 1960 เมืองหลวงถูกย้ายไปที่บราซิเลีย ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้ วันนี้ ริโอ ไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอีกแล้ว เซาเปาโลยังมีขนาดใหญ่กว่าซะอีก.
ความเชื่อที่ 5.ในเยอรมนีผู้คนตรงต่อเวลามากและสามารถทำงานทุกอย่างได้ตามกำหนด
การตรงต่อเวลา เป็นส่วนหนึ่งของ วัฒนธรรมเยอรมัน แต่เหมือนกับในส่วนอื่น ๆ ของโลกขอบเขตของวัฒนธรรมและประเพณีเก่า ๆนั้นค่อยๆจางหายไป หลายโครงการล้มเหลวในการทำตามกำหนดเวลาและตามข้อมูลรถไฟประมาณ 1/3 ของรถไฟทั้งหมดในเยอรมนีนั้นล่าช้า
ความเชื่อที่ 4. การต่อสู้กันของวัวกระทิงเป็นความบันเทิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสเปน
การต่อสู้กันของวัวกระทิง ยังคงมีอยู่ในหลาย ๆ เมืองในประเทศสเปน แต่ความนิยมของมันไม่สูงมากนัก คนส่วนใหญ่ที่ไปชมการแสดงเป็นนักท่องเที่ยว ภายใต้แรงกดดันจากนักเคลื่อนไหวรัฐสภาแห่งคาตาโลเนีย สั่งห้ามการสู้วัวกระทิงในพื้นที่ต่างๆรวมถึงในบาร์เซโลนา
ความเชื่อที่ 3.ออสเตรเลียเป็นประเทศแห่งฤดูร้อนนิรันดร์
คนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ในเมืองต่าง ๆ เช่น ซิดนีย์ เมลเบิร์น แคนเบอร์ราและแอดิเลด ตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาวอุณหภูมิ 32 ° F ในแคนเบอร์รา ซึ่งส่วนใหญ่ของทวีปคือภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว
ความเชื่อที่ 2. โรมาเนียเป็นประเทศของชาวยิปซี
บางคนคิดว่าคนส่วนใหญ่ในโรมาเนียเป็นชาวยิปซี คนอื่น ๆ มั่นใจว่าชาวโรมันและชาวยิปซีเป็นคนที่เป็นญาติกัน แต่มันไม่ถูกต้อง!
ประการแรก ชาวโรมาเนียน และ ชาวยิปซี มีต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน และพูดภาษาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชาวโรมาเนียน เป็นคนยุโรปและภาษาของพวกเขาอยู่ใกล้กับอิตาลี และสเปน ชาวยิปซี เป็นทายาทของชนพื้นเมืองอินเดีย ซึ่งมีประชากรเป็นอันดับ 2 มีเพียง 3% ของชาวยิปซีในโรมาเนียเท่านั้น
ความเชื่อที่ 1. พริกถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศอเมริกาใต้
ชาวแอซเท็กโบราณ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนของประเทศเม็กซิโกที่ทันสมัย ให้ชื่อกับพริกไทยร้อนนี้ รัฐชิลี ตั้งอยู่ไกลจากเม็กซิโกและเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนต่าง ๆ ที่เคยพูดภาษาอื่น ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลยกับการตั้งชื่อ พริก แบบนี้ !
คุณรู้จักแบบความเชื่อเกี่ยวกับประเทศอื่นหรือไม่? คุณเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับประเทศของคุณบ้างไหม? โปรดเล่าให้เราฟัง .
ข้อมูลและรูปภาพจาก : brightside.me