โดยทั่วไปแล้วพฤติกรรมเด็ก 6 ขวบขึ้นไปจะเปลี่ยนไปจากตอนเป็นเด็ก อาจเป็นเพราะเหนื่อย หิว เบื่อหรือหงุดหงิด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง นั่นเป็นเพราะอาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ลึกซึ้งและร้ายแรงกว่า พวกเขาอาจรู้สึกว่างเปล่า และโดดเดี่ยวจากคนรอบข้าง จึงเริ่มนินทาหรือแม้แต่แสดงอาการไม่พอใจคุณอย่างชัดเจน
เพราะฉะนั้นเราควรยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดความกังวล จนต้องขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเราจึงอยากแบ่งปันข้อมูลนี้ให้เหล่าผู้ปกครองได้รับรู้
มาดูกันว่าพฤติกรรมเด็ก 6 ขวบ เป็นยังไงกันนะ?
1.ลูกของคุณอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ
หากคุณสังเกตเห็นว่า .. บุตรหลานของคุณมีปัญหาในการเรียนรู้ทักษะพื้นฐาน พวกเขาอาจมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องพยายามมากกว่าเด็กคนอื่นๆ
มันเป็นเพราะว่า .. : อาจมีเงื่อนไขบางอย่างที่จำกัดการเรียนรู้ทักษะเฉพาะบางอย่างของพวกเขา และมันอาจทำให้ตัวเด็กเรียนรู้ช้ากว่าคนอื่น
สิ่งที่ต้องทำ: ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะมันอาจเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับปัญหานี้ หากบุตรหลานของคุณได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ต้องการพร้อมกับได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมที่โรงเรียน หรือกับครูเฉพาะทาง มันจะทำให้เด็กๆรู้สึกสบายใจมากขึ้น
2.ลูกของคุณเริ่มนินทาคนอื่น
สิ่งสำคัญคือ .. ต้องแยกความแตกต่างระหว่างการนินทาที่ไม่เป็นอันตราย และการพูดพล่อยๆที่อาจสร้างความเจ็บปวดกับคนอื่นๆ แม้ว่าเด็กบางคนจะเริ่มมีข่าวลือบางอย่างเกิดขึ้น มันก็เป็นเรื่อง่ายเหมือนกันสำหรับพวกเขาที่จะแพร่กระจายข่าวลือเหล่านี้ เช่นเดียวกับผู้ใหญ่อย่างเรา
มันเป็นเพราะว่า .. : พวกเขาอาจเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ ชอบพวกเขามากขึ้นหรือทำให้พวกเขาเป็นที่นิยมมากขึ้นนั้นเอง
สิ่งที่ต้องทำ: ในฐานะพ่อแม่ คุณสามารถอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้ว่า .. เหตุใดการนินทาจึงเป็นสิ่งที่อาจสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้อื่นนั้นก็เป็นเพราะว่าเมื่อคุณนินทาคนอื่นก็มีแนวโน้มที่คนอื่นจะนินทาคุณลับหลังเช่นกัน หากจำเป็นคุณสามารถแนะนำให้พวกเขาเข้าไปปรึกษาคุณครู หากคุณไม่ต้องการให้เกิดการบูลลี่ขึ้น
3.ลูกของคุณเริ่มทำร้ายตัวเอง
หากลูกของคุณเริ่มแสดงสัญญาณการทำร้ายตัวเอง นั่นคือ การเรียกร้องให้มีการดูแลจากผู้ปกครองอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นจิตแพทย์กล่าวว่า เด็กเล็กมักจะหยิกข่วนหรือชกตัวเอง หรือช่วงก่อนวัยรุ่น และช่วงวัยรุ่น นั้นจะหันมาสนใจพฤติกรรมการทำร้ายตัวเองมากขึ้น
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจมีความนับถือตนเองต่ำเกินไป เขาอาจกำลังดูถูกตัวเอง หรือกำลังจัดการกับความรู้สึกภายในที่พวกเขาคิดว่าไม่สามารถยอมรับได้
สิ่งที่ต้องทำ: หากลูก ๆ ของคุณทำร้ายตัวเอง คุณควรพาพวกเขาไปหานักบำบัดเด็ก เพื่อให้พวกเขาจัดการกับอารมณ์ของพวกเขาได้ และไม่ควรใช้คำพูดรุนแรงและดูเหมือนจะทำร้ายจิตใจเขา
4.ลูกของคุณขู่ว่าจะหนีออกจากบ้าน
หากพวกเขาอยู่ภายใต้ความเครียด ความกดดันมากๆ จนสามารถคิดว่าตัวเองวิ่งหนีออกไปได้ นักจิตวิทยาอ้างว่า..
มันเป็นเพราะว่า ..: เด็กๆมักจะชอบวิ่งหนีเพราะเค้าคิดถ้าหนีออกไปได้จะรอดจากปัญหานั้น พวกเขามีมุมมองชีวิตที่ดีเกินจากความเป็นจริง เการพยายามวิ่งหนีนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ยอมรับหรือความอับอาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการทำความผิด หรือการถูกว่ากล่าวตักเตือน
สิ่งที่ต้องทำ: พูดคุยกับลูกของคุณ และพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ ซึ่งเด็กจะรู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปันอะไรในใจออกมา พยายามเปิดใจกับพวกเขา เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงออกทางความคิด
5.ลูกของคุณกลัวการนอนหลับในตอนกลางคืน
หากลูกของคุณเคยเป็นคนนอนหลับสนิท แต่จู่ๆก็มีอาการนอนไม่หลับหรือกลัวการนอนหลับ นั้นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอที่จะให้ความสำคัญกับเด็กๆมากขึ้น พวกเขาไม่ได้พยายามขโมยเวลาของคุณหรือทำให้ยุ่งยากหรอกนะ
มันเป็นเพราะว่า .. : พวกเขารู้สึกเหมือนมีภัยคุกคามอยู่ทุกแห่งหน
สิ่งที่ต้องทำ: วิธีที่เร็วที่สุดในการช่วยปัญหาการนอนหลับของเด็กๆ คือ การจัดการกับความกลัวในตอนกลางคืน และช่วยให้พวกเขาเอาชนะความคิดเหล่านั้นได้ คุณอาจจะแก้ไขเพียงการจัดตกแต่งห้องนอนใหม่ให้พวกเขาก็ได้นะ สิ่งแวดล้อมเองก็สำคัญไม่แพ้กันเลย!
6.วัยรุ่นของคุณกำลังแสดงอาการซึมเศร้า
อาการซึมเศร้าเป็นปัญหาที่สำคัญมากๆ และบางครั้งลูก ๆ ของเราเองก็ต้องต่อสู้กับมัน บ่อยกว่านั้นพวกเขาจะพูดอะไรบางอย่างที่จะทำให้คุณกลัวในเรื่องความปลอดภัยของพวกเขา หากพวกเขามีอารมณ์ดื้อรั้น และแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ นี่อาจเป็นสาเหตุของการเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจมีปัญหาที่โรงเรียน หรือ อาจมีปัญหาในการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนๆ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลนี้
สิ่งที่ต้องทำ: ความรู้สึกและความกังวลของพวกเขาต้องได้รับการยอมรับจากพ่อแม่อย่างอ่อนโยน โดยไม่ต้องออกแรงมากเกินไป หากพวกเขาเริ่มทำร้ายตัวเอง คุณไม่ควรมองข้ามมันเด็ดขาดเชียว อย่าปล่อยให้พวกเขารู้สึกว่างเปล่าหรือปล่อยให้เขาต่อสู้กับมันอยู่เพียงลำพัง และหากจำเป็นให้มองหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด
7.ลูกของคุณเลิกเล่นสนุกกับเพื่อนๆ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กๆ จะมีความเห็นไม่ตรงกัน และมักจะแก้ปัญหาได้ค่อนข้างเร็ว อย่างไรก็ตามหากลูกของคุณคนใดคนหนึ่งกำลังประสบปัญหานี้ อย่าลืมโทรหาพ่อแม่ของเพื่อนคนนั้นในทันที เพื่อสอบถามสิ่งที่เกิดขึ้นและแก้ปัญหาร่วมกันนั้นร่วมกัน
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน
สิ่งที่ต้องทำ: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีแก้ไขข้อโต้แย้งของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ลองช่วยพวกเขาฝึกพูดขอโทษ เพื่อที่พวกเขาจะได้เรียนรู้วิธีขอโทษเพื่อน
8.ลูกของคุณอารมณ์ฉุนเฉียวบ่อยครั้ง
เด็กๆ มักมีปัญหาในการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ถอยกลับไปและตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า หากคุณสามารถทำได้สำเร็จคุณอาจป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจกำลังพยายามเพื่อจัดการกับอารมณ์ที่ไม่สบายใจ เช่น ความโกรธ ความเศร้าหรือความผิดหวัง อีกสาเหตุหนึ่งที่อารมณ์ฉุนเฉียวอาจเกิดขึ้นได้ คือ ปล่อยให้เด็ก ๆ พยายามควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเอง
สิ่งที่ต้องทำ: หากสิ่งนี้เกิดขึ้นให้ถอยกลับและตรวจสอบสถานการณ์ หากคุณสามารถทำได้สำเร็จคุณอาจป้องกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ตัวอย่างเช่น หากบุตรหลานของคุณได้ของเล่นทุกครั้งที่เข้าไปในร้านของเล่น ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนเข้าไปในร้านให้หาเหตุผลกับเด็กและบอกให้รู้ว่าคุณไปซื้ออะไรที่ร้านขายของชำเท่านั้น.
9.ลูกของคุณแสดงความไม่พอใจออกมาบ่อยครั้ง
บางครั้งเด็กๆก็โพล่งสิ่งที่ฟังดูหยาบคายและอกตัญญูออกไปโดยไม่ต้องคิดเลย ในงานเลี้ยงวันเกิดของพวกเขาเมื่อมีคนเสนอสิ่งที่พวกเขาไม่สนใจจริงๆ เด็กๆบางคนอาจแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างรวดเร็ว หากพวกเขาเข้าใจว่าพฤติกรรมของพวกเขาสามารถส่งผลกระทบต่อผู้อื่นได้อย่างไร พวกเขาจะอาจจะพัฒนาความคิดด้านความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ดีขึ้น
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจรู้สึกว่ามีสิทธิได้รับสิ่งต่างๆที่ไม่เคยได้รับมาก่อน สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา
สิ่งที่ต้องทำ: ช่วยให้พวกเขาตระหนักว่าของขวัญแต่ละอย่างล้วนมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และผู้คนมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลือกของขวัญที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะชอบมากที่สุด และเหมาะกับคนรับมากที่สุด
10.ลูกของคุณพูดมากหรือพูดย้อนคุณมากเกินไป
เด็กๆส่วนใหญ่จะพูดย้อนผู้ใหญ่ แบบเป็นระยะ ๆ แต่มันก็เริ่มเป็นปัญหาเมื่อมันมากเกินไป แน่นอนว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการของเด็ก แต่ก็ต้องได้รับการควบคุม และกำหนดขอบเขตบ้าง
มันเป็นเพราะว่า ..: พวกเขาอาจต้องการดึงดูดความสนใจจากคุณ และจะทำเช่นนี้หากรู้สึกว่าถูกเพิกเฉยหรือละทิ้ง นอกจากนี้ยังอาจเป็นเพราะพวกเขาพยายามควบคุมสิ่งที่อยากจะทำ
สิ่งที่ต้องทำ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณให้ความสำคัญกับบุตรหลานมากพอ บังคับใช้ผลที่ตามมา เช่น กำหนดเวลาอยู่หน้าจอน้อยลงและกำหนดพฤติกรรมที่คุณคาดหวังจากสิ่งเหล่านี้ บอกให้พวกเขารู้ว่า การตะโกนหรือพูดย้อนกลับนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ.
ลูกของคุณกำลังแสดงพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่? คุณมีเคล็ดลับอะไรบ้างในการจัดการกับมัน?
อ้างอิง : Brightside